“สุริยะใส” เชื่อ “ทักษิณ” ไม่มีทางเลือกต้องเล่นบทสู้เพื่อ “เพื่อไทยและครอบครัว” ห่วงสภาพจิตใจ เรือนจำแออัด ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้เอง
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 9 ก.ย. 2568 ผศ.ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกามีคำสั่งบังคับโทษให้จำคุก 1 ปี ว่า นายทักษิณน่าจะรับรู้อย่างมีนัยยะแล้วว่าจะต้องถูกศาลฎีกามีคำสั่งให้จำคุกแน่นอน หลังมีการตีกลับเรื่องขอทูลเกล้าฯยุบสภากลับมา ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด และการบินไปดูไบก็เพื่อไปตั้งหลัก “ส่วนตัวมองว่าสถานการณ์ของนายทักษิณและพรรคเพื่อไทยขณะนี้ยังเป็นรองมากพอสมควร หากตัดสินใจหลบหนีออกนอกประเทศเหมือนครั้งก่อน ก็อาจจะต้องหลบหนีตลอดชีวิต ครั้งนี้จึงเป็นเกมที่ต้องเลือก เนื่องจากหนีเมื่อ 17 ปีที่แล้วกับหนีตอนนี้ ความหมายต่างกัน จำเป็นต้องเลือกเป็นผู้เสียสละ ทั้งพรรคทั้งครอบครัวตอนนี้อยู่ในช่วงที่น่าเป็นห่วง” ผศ.ดร.สุริยะใส กล่าวและว่าการติดคุกของนายทักษิณในครั้งนี้เป็นเรื่องที่จวนตัวจริงๆ ไม่มีทางเลือก ประกอบกับ ในฐานะผู้นำจิตวิญญาณที่เล่นบทว่าจะต้องสู้
เชื่อคุมขังนอกเรือนจำยังไม่สะเด็ดน้ำ
ผศ.ดร.สุริยะใส ยังเล่าถึงสิ่งที่นายทักษิณจะต้องผ่านขั้นตอนในเรือนจำว่า ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯมีทั้งหมด 8 แดน นายทักษิณจะต้องอยู่แดนแรกรับ ทางกรมราชทัณฑ์มีหน้าที่ที่จะต้องพิสูจน์ความตรงไปตรงมาให้มากที่สุด ว่า คุณทักษิณไม่ได้เป็นผู้มีอภิสิทธิ์ชน และมีความเป็นอยู่แบบเดียวกับนักโทษรายอื่น ขั้นต่ำจะต้องจำคุกอยู่ภายในเรือนจำ 1 ใน 3 คือหากมีการตัดสิน 1 ปี ขั้นต่ำก็จะต้องจำคุกจำนวน 3 เดือน หลังจากนั้นจึงจะสามารถขอทำเรื่องอภัยโทษอีกครั้ง เชื่อว่าการเข้าไปจำคุกของนายทักษิณ ช่วงแรกนี้ก็อาจจะเป็นนักโทษชั้นกลาง และเมื่ออยู่ไปสักระยะ ก็จะร่วมกิจกรรมต่างๆ และไม่มีปัญหากับใครก็จะเป็นนักโทษชั้นดี ซึ่งในวันสำคัญหลังจากนี้ก็จะเป็นวันที่ 5 ธันวาคม ก็จะต้องดูว่าคุณทักษิณจะสามารถทำเรื่องขออภัยโทษได้หรือไม่ นอกจากนี้การทำเรื่องขอมาจองจำในพื้นที่ที่ไม่ใช่เรือนจำตอนนี้ ประกาศของกรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนว่าจะต้องไปจองจำที่ไหนบ้าง ยังอยู่ในช่วงระหว่างของการสำรวจไม่ได้มีการประกาศที่ชัดเจนว่าใช้พื้นที่ไหนเป็นที่กักขังนอกเรือนจำ ส่วนตัวมองว่าจะต้องใช้เวลาอีกยาวนานพอสมควร เรื่องการคุมขังนอกเรือนจำจะสะเด็ดน้ำ
...
เชื่อสังคมจับตาความเคลื่อนไหว
ต่อข้อถามว่าการพิจารณาเลือก พล.ต.ท.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 มาดำรงตำแหน่ง ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนั้น มีนัยยะอะไรหรือไม่ เนื่องจากว่า พลตำรวจโทชาญชัย ก็เป็นนายตำรวจที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และมีความสนิทสนมกับนายเนวิน ชิดชอบ ผศ.ดร.สุริยะใสให้ความเห็นว่า ส่วนตัวไม่อยากคิดไปไกลถึงขนาดนั้นแต่ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างมาประจวบเหมาะกันพอดี การแต่งตั้งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มีความใกล้ชิดกับนายเนวินมาคุมกรมราชทัณฑ์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มันก็เหมือนมีนัยยะอะไรบางอย่าง จะแอบช่วยเหลือ หรือเอื้อประโยชน์อะไรกันหรือไม่ ในส่วนนี้ตนเองคิดว่าสังคมคงจับตามอง และอีกเรื่องคือการแก้แค้นเอาคืน ประเด็นนี้ก็ไม่อยากคิดแต่ก็เชื่อว่าเป็นไปได้ ว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้างเกี่ยวกับคำสั่งหรือประกาศจากรัฐมนตรียุติธรรมคนใหม่
เชื่อราชทัณฑ์คุมเข้มความปลอดภัย
และหากถามว่าระหว่างที่นายทักษิณกำลังถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำจะมีอันตรายจากบุคคลอื่นหรือไม่ ประเด็นนี้ส่วนตัวมองว่าทางเรือนจำเองก็มีเจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดอยู่แล้วและที่สำคัญที่ผ่านมาก็เป็นไปได้ยากมากที่ขัดแย้งกัน ส่วนตัวเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เอาอยู่และค่อนข้างเข้มงวดเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยมาก; มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกพื้นที่ อย่างเช่น แดนแรกรับ เท่าที่ทราบมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดมากกว่า 30 จุด แม้ว่าทางครอบครัวของนายทักษิณเอง อาจจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยแต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องจำคุกอยู่ในเรือนจำ เพราะว่าเรื่องระเบียบการขอออกมาจำคุกนอกเรือนจำนั้นยังอยู่ในช่วงการสำรวจ และยังไม่ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับระเบียบและประกาศเรื่องนี้
ยอมติดคุกแต่แรก ไม่เกิดเหตุวันนี้
สำหรับเรื่องที่น.ส.แพทองธาร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า คุณพ่อเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ยอมติดคุก ผศ.ดร.สุริยะใส ระบุว่า ไม่รู้ว่าคุณอิ๊งค์ หมายถึงอะไร ซึ่งแม้ว่าจะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ยอมติดคุกก็จริง แต่คดีที่ติดคุกเป็นคดีทุจริตไม่ใช่คดีการเมือง ซึ่งหากย้อนไปถึงยุคสมัยของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ติดคุกจริงในความผิดอาชญากรสงครามนั้นก็จะติดคุกในกรณีของการเมือง แต่เท่าที่จำความได้จอมพล ป. เองก็ไม่เคยติดคุก แต่ในส่วนของคุณทักษิณเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ติดคุกในคดีทุจริต จะภูมิใจหรือไม่ภูมิใจก็เป็นสิทธิของคุณอิ๊งค์ที่จะตีความ แต่ส่วนตัวคิดว่าใครผิดแล้วก็ยอมรับผิด ซึ่งหากว่าคุณทักษิณยอมติดคุกไปตั้งแต่ตอนที่กลับมาตั้งแต่ช่วงแรกเรื่องราววันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
ชมศาลผดุงความยุติธรรม
วันนี้ก็ทำให้สามารถพิสูจน์ชัดว่าศาลยังคงผดุงความยุติธรรมได้ แม้ว่าที่ผ่านมา ส่วนตัวเองก็คิดว่า นอกจากคุณทักษิณแล้วก็ยังมีนักการเมืองผู้ใหญ่รวมถึงผู้มีอำนาจหลายคนที่กระทำผิดในเรื่องทุจริต แต่เลือกที่จะใช้ช่องว่างของกฎหมายในการทำให้ตัวเองพ้นผิด สิ่งต่อไปที่ควรทำคือปฏิรูปกรมราชทัณฑ์และดูกลไกของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดทางด้านของตำรวจและหน่วยงานอื่น
ไม่เชื่อ ชินวัตร วางมือการเมือง
สำหรับการยอมติดคุกของคุณทักษิณในครั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า ยังไม่ได้ปิดฉากตระกูลชินวัตรอย่างถาวรแม้ว่า ทายาทหลายคนของตระกูลชินวัตร ก็จะเจอวิบากกรรมมาแล้วในแบบที่คล้ายๆกัน แต่ก็ยังมีลูกหลานและญาติพี่น้องคนอื่นที่สามารถที่จะขึ้นมาเป็นหัวเรือให้กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งแม้ว่าตัวคนทักษิณเองจะถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ แต่ว่าสิ่งที่บุคคลอื่นสามารถจะขับเคลื่อนได้คือระบอบของคุณทักษิณให้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ตระกูลชินวัตรจะวางมือเรื่องการเมือง แต่ก็เชื่ออีกว่าความศรัทธาของแฟนคลับรวมถึงสส.ภายในพรรค น่าจะแพแตกอยู่ระดับหนึ่ง แต่ก็อาจจะยังคงจำนวนสส. ได้อยู่ในระดับ 100 ที่นั่ง
ห่วงสภาพจิตใจ
สิ่งที่ต้องคำนึงมากที่สุดตอนนี้คือสภาพจิตใจของคุณทักษิณ แม้ว่าภายในเรือนจำจะอาศัยอยู่ในห้องแอร์หรือห้องพัดลม แต่ก็ถูกควบคุมไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้เอง เนื่องจากเกิดความแออัดของนักโทษในแดน 1 ซึ่งเป็นแดนที่คุณทักษิณจะต้องไปจำคุกอยู่ มีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ จากเดิมที่มีนักโทษแค่ 250 คน ซึ่งทราบมาว่าช่วงที่มีจำนวนนักโทษเพิ่มขึ้นอาจจะทะลุถึง 400 คน คนที่สูญเสียสุขภาพคือคนป่วยชนิดหนึ่ง อยู่ที่จิตใจของคุณทักษิณว่าจะเข้มแข็งได้มากถึงขนาดไหน ตัวเองต้องเป็นที่พึ่งของตัวเอง. ใครก็ช่วยไม่ได้