ผู้อ่านคงจำกันได้ว่า เคยขอให้ทุกท่านช่วยกันทำการบ้านในหัวข้อเรื่องที่ว่า ถ้ายุบสภาวันนี้ พรรคการเมืองที่มีชื่อจดทะเบียนไว้นานหลายปีตามข้อมูลวิกิพีเดียมีอยู่ สิริรวม 75 พรรคด้วยกัน แต่พรรคที่ยังดำเนินกิจกรรมการทางเมืองอยู่ ก็มี พรรคประชาชน 143 เสียง, ภูมิใจไทย 69 เสียง, พลังประชารัฐ 20 เสียง, ไทยสร้างไทย 6 เสียง, เป็นธรรม 1 เสียง รวม 239 เสียง 

ยังมีพรรคการเมืองที่เดิมเคยเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาล ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 142 เสียง รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง, กล้าธรรม 26 เสียง, ประชาธิปัตย์ 25 เสียง, ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง, ประชาชาติ 9 เสียง, ชาติพัฒนา 3 เสียง, ไทรวมพลัง 2 เสียง, เสรีรวมไทย 1 เสียง, ประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง และไทยก้าวหน้า 1 เสียง รวม 256 เสียง (ตัวเลขจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร) 

ส่วนว่า ยามที่พวกเขาเปลี๋ยนไป คือ สลับข้างกันขึ้นมาเป็น ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ภายใต้การนำของ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32…

ก็อยากให้เริ่มนับใหม่ จากเสียงที่โหวตให้ อนุทิน เป็นายกฯ 311 เสียง ได้แก่ พรรคประชาชน 143 เสียง, เพื่อไทย 9 เสียง, ภูมิใจไทย 68 เสียง, รวมไทยสร้างชาติ 33 เสียง, กล้าธรรม 25 เสียง, ประชาธิปัตย์ 4 เสียง,พลังประชารัฐ 18 เสียง, ไทยสร้างไทย 6 เสียง, ชาติพัฒนา 1 เสียง, ไทยก้าวหน้า 1 เสียง, เสรีรวมไทย 1 เสียง, ประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง, เป็นธรรม 1 เสียง, และไทยก้าวหน้า 1 เสียง… 

นัยว่า คราวนี้ กล้วยหมดป่าไปราวๆ 2,000 ล้านบาท...จริงเท็จ ต้องไปหาคำตอบกันอีกที

ส่วนพรรคที่โหวตให้ ชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกฯ นั้น แพ้หลุดลุ่ย เพราะได้เสียงโหวตแค่ 152 เสียง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย 128 เสียง, พรรคพลังประชารัฐ 2 เสียง, พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง, ประชาชาติ 8 เสียง ชาติพัฒนาเหยียบเรือสองแคมเอาไปไว้ฝั่งโน้น 1 เหลือฝั่งนี้ 2 และ พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง สิริรวม 152 เสียง และถ้ารวมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสิ้น 494 เสียง

...

พรรคเหล่านี้จะเข้าชิงชัยกันอีกครั้งในเกมการเลือกตั้งครั้งหน้า หลังคำมั่นสัญญาของ อนุทิน ที่ให้ไว้กับ “เท้ง” ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนว่าจะยุบสภาใน 4 เดือน 

เรื่องของพรรคการเมืองที่จะลงสนามสู้กันคงพอเห็นเค้าลางเลาๆ ว่า จะมีใคร ในขณะที่พรรคการเมืองใหม่ที่ชื่อ พรรคโอกาสใหม่ ภายใต้ท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ยักษ์ กับความพร้อมรอบด้าน ซ้ำยังเป็นที่ชุมนุมใหญ่ของนักธุรกิจระดับพันล้าน หมื่นล้าน และแสนล้านของประเทศ 

ประกอบไปด้วยข้าราชการผู้มากบารมีซึ่งเป็นที่โดดเด่นในแวดวง และการให้ความช่วยเหลือชาวบ้านมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านราคาพืชผล และน้ำแล้ง น้ำท่วม ไปจนถึงนักการเมืองจอมขมังเวทย์ผู้มีความเฉลียวฉลาดในการกำหนดทิศทางการเมือง และเศรษฐกิจของประเทศใหม่ในแบบยกแผง

พรรคโอกาสใหม่พร้อมเปิดตัวใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยมี จตุพร บุรุษพัฒน์ อดีต รมว.กระทรวงพาณิชย์ จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรค ยังมี “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยผู้กว้างขวางเข้ามาร่วมบริหารพรรคด้วย ปัจจุบัน ปลัดฉิ่ง ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสำนักงาน ป.ป.ง.

ที่สำคัญ คือ การเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น แต่ละพรรคย่อมต้องเสนอหัวหน้าพรรคของตนขึ้นบัญชีแคนดิเดตเข้ามา เช่น พรรคประชาชน เสนอ ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ พรรคภูมิใจไทย จะเสนอ อนุทิน คนเดิม หรือใครอีก อาทิ บุตรชาย เนวิน ชิดชอบ ในฐานะเลขาธิการพรรค ซึ่งก็คือ ไชยชนก ชิดชอบ....ต้องจับ ตาดูให้ดี!! 

ขณะที่พรรคเพื่อไทย อาจเสนอชื่อ ลูกชาย นางเยาวภา และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ชื่อ ยศชนันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจากมหาวิทยาลัยมหิดล ขึ้นบัญชีแคนดิเดต นายกฯ คนต่อไป

โอกาสของใครจะมีมากกว่ากัน อยู่ที่คะแนนเสียงสนับสนุน กระสุนที่ต้องใช้ และท่าทีของพวกเขาที่จะเอาชนะใจผู้คนด้วยวิธีใด