“อนุทิน ชาญวีรกูล” แถลงครั้งแรกในฐานะนายกฯ คนที่ 32 ลั่น ครม. ทำงานไม่มีวันหยุด ลุยแก้ 4 เรื่อง ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินและประชาชนคนไทย ย้ำไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม พร้อมยุบสภาใน 4 เดือน
เมื่อเวลา 12.17 น. วันที่ 7 กันยายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 แถลงครั้งแรกภายหลังได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า สวัสดีพี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพรักทุกท่าน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ตัวกระผมอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ผมยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความตระหนักดีว่าการเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันนี้อาจจะมีข้อจำกัดหลายประการหลายด้านในการปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน แต่อย่างไรก็ตามขอให้ความมั่นใจต่อพี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านว่า ตัวผมและคณะรัฐมนตรีของผมทุกคนจะมุ่งมั่นทุ่มเททำงานด้วยความไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกำลังกาย กำลังสมอง เพื่อให้ประเทศไทยของเราได้หลุดพ้นจากสถานการณ์วิกฤตต่างๆ โดยเร็วที่สุด
ผมต้องขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ให้ความมั่นใจโดยผ่านความไว้วางใจและการลงคะแนนเสียงของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาชน ที่ได้ให้การสนับสนุนตัวกระผมให้เข้ามาแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ท่านได้เสียสละให้ประเทศไทยมีทางออกและหลังจากลงคะแนนเสียงเรียบร้อยแล้วท่านก็ได้กลับไปอยู่ในเจตนารมณ์ของท่านก็คือการเป็นฝ่ายตรวจสอบ
...
และผมต้องขอขอบพระคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปไตยใหม่ และพี่น้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ให้การสนับสนุนไว้วางใจทำให้รัฐบาลของผมภายใต้การนำของผมที่เป็นนายกรัฐมนตรีกำลังจะเกิดขึ้นเพื่อมารับใช้พ่อแม่พี่น้องประชาชนรับใช้ประเทศไทยที่รักของเรา
วันนี้ด้วยเวลาที่มีอยู่เราจะเร่งแก้ไขปัญหา 4 ด้าน ที่เป็นภัยคุกคามและส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวไทย เรื่องที่ 1 ปัญหาเศรษฐกิจ เราจะเร่งดำเนินมาตรการลดรายจ่าย ลดค่าครองชีพ ลดค่าพลังงาน ค่าเดินทาง ค่าขนส่งต่างๆ ให้แก่พี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการทั้งหลาย และจะแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย หามาตรการต่างๆ ทั้งทางกฎหมายและการอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อเสริมสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการและพี่น้องประชาชน ตลอดจนทำให้รายได้ของชุมชนท้องถิ่นซึ่งเป็นฐานรากของสังคมไทยมีความมั่นคงแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
เรื่องที่ 2 ความมั่นคง ซึ่งเป็นปัญหาที่กำลังดำเนินเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันนี้ รัฐบาลของผมจะเร่งดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพ เพื่อให้เกิดการลดความสูญเสียของประชาชนของทั้งสองประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม “ประเทศไทยจะต้องยึดหลักการที่เราจะต้องไม่มีวันเสียดินแดนแผ่นดินเราแม้แต่ตารางเซนติเมตรเดียว คนไทยจะต้องไม่เสียประโยชน์คนไทยจะต้องดำเนินชีวิตด้วยความเป็นปกติสุข” และรัฐบาลจะเร่งดำเนินการชดเชยให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีการล่าช้าไปบ้าง แต่รัฐบาลของผมจะต้องชดเชยให้กับค่าเสียหายต่างๆ ให้กับพี่น้องประชาชนในบริเวณจังหวัดที่มีจังหวัดชายแดนติดต่อกับกัมพูชาด้วยความรวดเร็ว ครอบคลุมทุกหลังคาเรือน
เรื่องที่ 3 ปัญหาภัยธรรมชาติ ต้องเร่งต่อยอดในเรื่องการจัดทำระบบเตือนภัย ซึ่งได้ทำมาแล้วในสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หวังว่าในช่วงที่ไปพักร้อนอยู่สักพักหนึ่งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และหน่วยงานต่างๆ ที่เราได้เคยประชุมหารือกันอยู่ คงไม่ได้หยุดในการที่จะจัดหาระบบเตือนภัยระบบป้องกันภัย ระบบการเยียวยาฟื้นฟู และระบบการแจ้งเตือนภัยต่างๆ ให้กับพี่น้องประชาชน เราจะต้องเร่งให้มีการชดเชยค่าเสียหายให้กับประชาชนผู้ประสบภัยจากภัยธรรมชาติอย่างรวดเร็ว ทันท่วงที สมเหตุสมผล และมีความเป็นธรรม
“ตัวกระผมเองมีความคุ้นเคยกับเรื่องนี้เป็นอย่างดีในสมัยที่ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และจะเข้ามาดำเนินการอย่างเต็มที่และเข้มแข็ง เพราะผมก็จะควบในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะไม่มีการหยุดชะงักและจะไม่มีการติดอุปสรรคใดๆ ผมเชื่อมั่นว่าผมยังคงจะได้รับความร่วมมือที่ดีจากพี่น้องข้าราชการทุกหน่วยงานที่ผมมีความคุ้นเคย”
ทั้งนี้ ตนไม่ได้มีความคุ้นเคยเฉพาะพี่น้องข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่มา แต่ในช่วงเป็นรองนายกรัฐมนตรีก็ได้มีความสัมพันธ์ มีเครือข่ายความร่วมมือจากทุกๆ หน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านการพลเรือน ตำรวจ ความมั่นคง กองทัพ ในเวลาที่ผ่านมาที่ผมมีตำแหน่งหน้าที่ราชการอยู่ เรื่องปัญหาความร่วมมือไม่เคยเป็นอุปสรรคต่อการทำงานเพื่อตอบสนองพี่น้องประชาชนแต่อย่างใดเลย ตรงกันข้ามผมมั่นใจในความสามารถของตัวผมเอง ที่จะเชื่อมต่อความสำคัญและประสานงานเร่งให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเพราะประโยชน์ทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นด้วยเวลาที่รวดเร็วด้วยความร่วมมือที่เข้มแข็ง ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ก็คือพี่น้องประชาชนทั้งสิ้นซึ่งผมมั่นใจว่าผมและพี่น้องข้าราชการทุกท่านมีเป้าหมายเดียวกัน
เรื่องที่ 4 ปัญหาเรื่องภัยสังคม รัฐบาลจะเร่งปราบปรามกระบวนการค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ สแกมเมอร์ การพนันและการพนันออนไลน์ทั้งหลายอย่างจริงจัง โดยสร้างความร่วมมือกับเพื่อนบ้านและมิตรประเทศเพื่อกำจัดภัยสังคมทุกรูปแบบ
“ขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจว่าผมมาเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ไม่ได้มาด้วยบุญคุณของใคร ยกเว้นบุญคุณของพี่น้องประชาชนชาวไทยโดยผ่านผู้แทนราษฎรของท่าน เพราะฉะนั้นผมมีผู้ที่ผมจะต้องตอบแทนพระคุณอยู่เพียงกลุ่มเดียวก็คือพี่น้องประชาชนชาวไทย ซึ่งเป็นสุดยอดปรารถนาของผม”
การแก้ไขปัญหาที่ได้กล่าวมา 4 ประการหลักๆ ขอให้ความมั่นใจว่าจะต้องได้รับความร่วมมือและการประสานงานเพื่อให้เจตนารมณ์ของผมซึ่งก็คือเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนทุกคน ได้ขับเคลื่อนไปด้วยประสิทธิภาพและความรวดเร็วโดยปราศจากอุปสรรคและสิ่งกีดขวางใดๆ เพราะมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ที่ตัวผมและคณะรัฐมนตรีที่ผมกำลังคัดสรรแต่งตั้งให้มาทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนนั้น จะไม่มีเวลาทดลองงาน ผมต้องคัดสรรมาอย่างดีเมื่อทุกคนถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ก็จะปฏิบัติงานได้ทันทีด้วยความมีประสิทธิภาพ
ในเรื่องความกังวลทั้งหลายของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เป็นความกังขาในเรื่องของจริยธรรม เรื่องตัวบทกฎหมายที่ในบางครั้งพวกตนก็ไม่ได้รับความยุติธรรม มีการกลั่นแกล้งใส่ร้าย แต่ถือว่าวันนั้นได้ผ่านไปแล้ว เรื่องที่เป็นสิ่งที่กังวลใจของพี่น้องประชาชน ขอเรียนยืนยันว่าตัวผมและรัฐบาลซึ่งก็หมายถึงรัฐมนตรีทุกคน จะทำงานโดยยึดความถูกต้องของกฎหมายเป็นหลักเท่านั้น
“ผมขอย้ำนะครับ จะไม่มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมตามที่มีผู้ห่วงใยตามที่มีผู้กังวล แต่จะปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำงานด้วยกลไกซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ความยุติธรรมที่จะต้องมีกับผู้คนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีใครยัดเยียด ปรุงแต่ง หรือกลั่นแกล้งใส่ร้ายอย่างที่เคยมีผู้ปฏิบัติมา ขอให้พี่น้องประชาชนได้มีความมั่นใจ นอกจากจะไม่เข้าไปแทรกแซงแล้วจะเข้าไปเร่งรัด เปิดเผย ให้กระบวนการยุติธรรมทุกอย่างต้องอยู่บนโต๊ะ และสามารถอธิบายให้กับพี่น้องประชาชนที่มีความกังวลสงสัยหรือแม้กระทั่งคู่ความได้รับทราบ ถ้าตรงไหนผิดดำเนินการทันที แต่ต้องดำเนินการด้วยกฎหมาย ไม่ใช่กฎหมู่ ขอให้พี่น้องประชาชนคอยติดตามการทำงานของผมในเรื่องนี้”
ส่วนสิ่งที่พี่น้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชนมีความห่วงใย ซึ่งได้กำหนดไว้ในบันทึกข้อตกลงว่า รัฐบาลของผมจะมีจุดมุ่งหมายที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นตามกระบวนการที่กำหนดไว้ในหมวดของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และนอกจากนี้น่าจะมีกระบวนการตามที่ศาลรัฐธรรมนูญจะได้กำหนดวินิจฉัยในเร็วๆ นี้ “และหลังจากนั้นผมจะยุบสภาครับภายในกรอบเวลา 4 เดือนที่ได้มีข้อตกลงไว้ เพื่อที่เราจะได้คืนอำนาจกลับคืนสู่พี่น้องประชาชนให้พี่น้องได้ตัดสินใจอนาคตของประเทศต่อไป”
นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 กล่าวต่อไปว่า แม้จะยังมีเวลาไม่มากนัก แต่มั่นใจว่าจะได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ผมจะทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ในเวลา 4 เดือน ดังนั้นตัวผมและคณะรัฐมนตรีจะไม่มีวันหยุด ไม่มีพักร้อน และถ้าเป็นไปได้ต้องไม่มีการเจ็บป่วย ไม่มี Holiday ไม่มีวันที่จะบอกว่าพักผ่อนกับครอบครัว ยกเว้นพักผ่อนตามความต้องการของร่างกายในทุกๆ วัน ผมเชื่อว่า 4 เดือนคนที่มาเป็นรัฐมนตรีของผมรวมทั้งตัวผมเอง จะสามารถมีสุขภาพที่จะยืนหยัดทำงานให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มที่เราจะต้องเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทย ให้หลุดพ้นจากสถานการณ์วิกฤตให้จงได้ในระยะเวลาที่มีอยู่
จากนั้นเราจะสร้างรากฐานเพื่อที่รัฐบาลชุดต่อไปจะได้มาสานต่อการทำงานรัฐบาล โดยดำรงเจตนารมณ์ให้พี่น้องประชาชนมีความอยู่ดีมีสุข มีความมั่นคงในชีวิตเพื่อความยั่งยืนตลอดไป รวมทั้งจะสร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติเพื่อสร้างเป็นพลังในการเป็นประเทศไทยที่รักของเราสืบไป
ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ผมจะไม่ทำให้เจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนที่มอบความไว้วางใจในตัวผมต้องสูญเปล่าและผมจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถที่จะทำงานตอบแทนบุญคุณของแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะรับใช้พี่น้องประชาชนของผม ให้สมกับความไว้วางใจที่ท่านได้กรุณามีให้แก่ผมในการเป็นนายกรัฐมนตรีของท่านในวันนี้ ขอขอบพระคุณครับ”