พรรคเพื่อไทย ยินดีรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำโดย “อนุทิน” พร้อมเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบเข้มข้น เหน็บพรรคประชาชน จะเป็นฝ่ายค้านเต็มตัวหรือฝ่ายค้านครึ่งบกครึ่งน้ำ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 กันยายน 2568 น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวภายหลังการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย ว่า พรรคเพื่อไทยขอแสดงความยินดีกับรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับการลงมติจากเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร
แม้วันนี้ พรรคเพื่อไทยจะไม่ได้เป็นพรรครัฐบาลแล้ว แต่ขอยืนยันว่าเราจะยังเดินหน้าทำงานต่อไปอย่างเต็มที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ภายใต้หลักการของระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา พร้อมตรวจสอบรัฐบาลตั้งแต่วินาทีแรก และพร้อมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทันทีที่พบการใช้อำนาจโดยมิชอบ พรรคเพื่อไทยพร้อมเริ่มงานตั้งแต่วินาทีแรกที่รัฐบาลชุดใหม่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เราขอยืนยันว่าประเด็นใหญ่และสำคัญที่รัฐบาลเพื่อไทยได้ดำเนินการมาตลอดจะไม่สูญเปล่า
ประเด็นแรก คือ การดำเนินคดีการบุกรุกที่ดินเขากระโดง และประเด็นที่สอง คือ การตรวจสอบการดำเนินคดีเกี่ยวกับการฮั้ว สว. ทั้งสองเรื่องนี้เป็นข้อสงสัยสำคัญของสังคมว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองซึ่งปัจจุบันเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พรรคเพื่อไทยจะตรวจสอบและจับตาทุกฝีก้าวว่ารัฐบาลชุดใหม่จะดำเนินการเรื่องเหล่านี้อย่างไร หากพบว่ามีความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยการเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือทำให้คดีความล่าช้า พรรคเพื่อไทยจะใช้ทุกช่องทางตรวจสอบที่มีอยู่ในการหยุดยั้งการกระทำดังกล่าว เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และเพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักการของประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาและหลักนิติรัฐ
...
“หากเมื่อใดก็ตามที่เห็นว่ามีความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทั้งกรณีเขากระโดง และคดีฮั้ว สว. สส.พรรคเพื่อไทยพร้อมเข้าชื่อเสนอเปิดอภิปรายทั่วไปไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีทันที แม้จะยังไม่ครบกำหนด 4 เดือน ตามบันทึกข้อตกลงส้ม–น้ำเงิน ความยุติธรรมต้องไม่ถูกซื้อ ความจริงต้องไม่ถูกปกปิด อำนาจต้องถูกตรวจสอบ”
ทั้งนี้ แม้รัฐบาลภูมิใจไทยชุดนี้ตั้งขึ้นตามระบบรัฐสภา ผ่านการตัดสินใจเลือกยกมือให้ของพรรคประชาชน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่พิสดารเช่นนี้ ย่อมยากที่จะคาดหวังความสำเร็จในการบริหารประเทศ และพรรคประชาชนในฐานะคะแนนเสียงหลักของการตั้งรัฐบาล ย่อมไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบทางการเมืองได้
กรณีที่หลายคนอาจตั้งคำถามว่าการตั้งรัฐบาลชุดนี้แตกต่างจากการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยในปี 2566 อย่างไร ตนขอเรียนว่ามีความต่างอย่างสิ้นเชิง พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคอันดับสอง เคยยกมือสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึงสองครั้ง และพรรคก้าวไกลก็ส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล แต่เมื่อเจรจาหาคะแนนเสียงเพิ่มเติมจากพรรคอื่นๆ ทุกพรรคกลับปฏิเสธที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล โดยพรรคแรกที่ปฏิเสธชัดเจนก็คือพรรคภูมิใจไทย
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงต้องเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลต่อโดยไม่มีพรรคก้าวไกลเข้าร่วม และเลือกจัดตั้งรัฐบาลโดยมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำของรัฐบาล ซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับสิ่งที่พรรคประชาชนทำในวันนี้ คือยกมือสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยให้เป็นแกนนำ และกลายเป็นการตั้งรัฐบาลอนุรักษนิยมที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา หากไม่นับรวมรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร เมื่อการตั้งรัฐบาลนี้สำเร็จ บทบาทของพรรคประชาชนก็ยังไม่จบเพียงแค่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ยังต้องทำหน้าที่เป็นองค์ประชุมสภาให้กับพรรคภูมิใจไทยด้วย ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดปกติของการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุต่อไปว่า แม้ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน จะประกาศเชิญชวนให้พรรคเพื่อไทยร่วมทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ตนยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยเป็นฝ่ายค้านที่อ่อนแอ แต่วันนี้อยากให้พรรคประชาชนทบทวนความหมายของการเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งอีกครั้งว่า ฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ควรทำหน้าที่เป็นผู้ประคองรัฐบาล หรือควรเป็นผู้คานอำนาจของรัฐบาลกันแน่ ฝ่ายค้านที่แท้จริงไม่ใช่ผู้ประคองรัฐบาล แต่คือตัวแทนของประชาชนที่คอยตรวจสอบรัฐบาล
“และเมื่อคำขวัญของพรรคประชาชนคือ พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค ดิฉันเห็นว่า ณ วันนี้ ควรจะต่อท้ายไปด้วยว่า พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค อนุรักษ์นิยมใหญ่กว่าใคร เราอยากเห็นพรรคประชาชนซึ่งวันนี้ยังไม่ชัดเจนว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว หรือฝ่ายค้านครึ่งบกครึ่งน้ำ ได้ร่วมตรวจสอบรัฐบาลอย่างจริงจัง เพื่อสร้างมาตรฐานทางการเมืองที่โปร่งใส”
ส่วนกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคประชาชนโหวตให้นายอนุทิน เพื่อฝ่าทางตัน และเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งนั้น น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า พรรคประชาชนต้องเลิกจินตนาการ และเลิกสร้างทางตันเทียมมาเป็นข้ออ้าง เพราะสำหรับพรรคเพื่อไทย การเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรี ไม่เคยอยู่ในสมการของเราเลย
พรรคเพื่อไทยยืนยันมาตลอดว่าเรายังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งท่าน คือนายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งเป็นเหตุผลที่พรรคเสนอชื่อแคนดิเดตไว้ถึง 3 คนตั้งแต่ตอนแรก แม้จะถูกล้อเลียนว่าเป็นนายกฯ กล่องสุ่ม แต่วันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าการมีรายชื่อสำรองไว้คือการเตรียมรับมือกับกลไกของรัฐธรรมนูญปี 2560 และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดทางตัน
“ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยยังแข็งแรง พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มกำลัง เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและพี่น้องประชาชน เราจะไม่ยอมให้กระบวนการประชาธิปไตยถูกบิดเบือน และจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษามาตรฐานการเมืองที่โปร่งใส รัฐบาลอาจเปลี่ยนขั้วแต่พรรคเพื่อไทยไม่เคยเปลี่ยนหัวใจ เพราะหัวใจของเรายืนอยู่ข้างประชาชนเสมอ”