รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย รับ รัฐบาลที่นำโดยว่าที่นายกฯ “อนุทิน” เตรียมปัดฝุ่น “โครงการคนละครึ่ง” หวังกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ปัดปูทางหาเสียงเลือกตั้ง บรรยากาศที่พรรคเริ่มจัดเตรียมสถานที่


วันที่ 6 กันยายน 2568 บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้านี้ที่พรรคภูมิใจไทย หลังสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ยังไม่มีแขกคนสำคัญเดินทางเข้ามา ขณะที่สื่อมวลชนมาปักหลักรอติดตามบรรยากาศที่พรรคอย่างคึกคัก โดยเมื่อเวลา 09.50 น. ที่ผ่านมา มีพนักงานมาส่งแจกันดอกไม้ 2 แจกัน ซึ่งมีทั้งดอกไฮเดรนเยีย กุหลาบ ไลเซนทัสสีขาว ทานตะวัน และคาร์เนชั่น ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น แจกันดอกไม้ดังกล่าวมีราคาชุดละประมาณ 3,000 บาท โดยบรรยากาศทั่วไปภายในพรรคภูมิใจไทย ยังเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ทยอยขนย้ายเก้าอี้เป็นจำนวนมากขึ้นไปยังชั้น 2 ของอาคาร คาดว่าเป็นการจัดเตรียมสถานที่เพื่อรองรับงานสำคัญที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้


...

ต่อมาเวลา 11.10 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่รัฐบาลอนุทิน ต้องการฟื้นคืนโครงการคนละครึ่ง ว่า กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยมีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทีมนโยบายมีการพูดคุยกันว่านโยบายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น จะมีอะไรบ้าง ซึ่งโครงการคนละครึ่งก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่อาจจะมีอะไรที่มากกว่า เช่น เรื่องสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้น ซึ่งเรามีการรับฟังโครงการต่างๆ ที่เป็นโครงการที่ดีในอดีต ซึ่งโครงการเหล่านี้น่าจะนำมาต่อยอดได้และทำให้ดีขึ้น ข้อผิดพลาดของหลายโครงการที่ผ่านมาในอดีตไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใด ถ้าดีแต่ยังมีข้อผิดพลาดเราจะนำมาปรับปรุง

ในคำถามว่าโครงการคนละครึ่ง ได้ประโยชน์มากกว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตใช่หรือไม่ นายสิริพงศ์ ระบุว่า ถ้าดูจากกระแสการตอบรับจากโซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆ คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น และตัวเม็ดเงินที่ใช้ในระบบไม่ได้มากเท่า แต่ความรู้สึกของคนเรื่องการหมุนของเงินน่าจะดีกว่า ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะมีการสั่งการและยืนยันว่าจะทำให้เร็วที่สุด แต่แนวทางที่คุยกันไม่เน้นการลงทุนกับแอปพลิเคชันใหม่ หากระบบรัฐที่ดีก็จะใช้ต่อ สำหรับงบประมาณที่ใช้นั้นยังไม่ได้ดูในรายละเอียดเป็นการพูดคุยในหลักการเท่านั้น และต้องดูว่ามีงบประมาณเท่าใด ซึ่งนโยบายหลักต้องรอนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามต่อไปว่าการแถลงนโยบายรัฐบาลคาดว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า นายกรัฐมนตรีมีเวลาทำงานแค่ 4 เดือน ทั้งหมดต้องเกิดขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนการนำนโยบายนี้กลับมาใช้เพื่อเป็นการปูทางในการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตอบว่า จุดประสงค์หลักคือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางการเมือง.