“อนุทิน” ว่าที่นายกฯ คนที่ 32 เปิดใจครั้งแรก ขอบคุณทั้งคนหนุนและไม่หนุน เผยวินาทีไปกราบพ่อ ยันฟอร์มทีม ครม. แล้ว ย้ำที่ดินของรัฐต้องเป็นของรัฐ เขากระโดง-ฮั้ว สว. ใช้กฎหมายทำให้ถูกต้อง


วันที่ 5 กันยายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ภายหลังร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมเปิดใจเป็นครั้งแรกหลังจากได้รับการโหวตเห็นชอบให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยนายอนุทินได้กล่าวขอบคุณประชาชน ในโอกาสที่ได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นเสียงของประชาชนที่ได้ใช้สิทธิ์ผ่าน สส. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สส.พรรคประชาชน และพรรคการเมืองที่ได้ลงคะแนนให้กับตน หรือพรรคที่ไม่ได้ลงคะแนนให้กับตน โดยการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันนี้ที่มี นายชัยเกษม นิติสิริ ได้รับการเสนอชื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

แต่เมื่อการโหวตผ่านพ้นไปแล้วก็อยากให้ทุกอย่างมันจบไปด้วยดี และอยากให้เราหันหน้าเข้าหากันเพื่อทำงานให้กับประชาชน ให้กับประเทศ ในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว เพื่อทดแทนโอกาสที่เสียไป ซึ่งตนเชื่อว่าหากเราหันหน้าทำงานด้วยกัน ก็จะทำให้ทะลุเป้าหมายต่างๆ ได้ ส่วนจะผลักดันนโยบายอะไรต่อขอยังไม่ลงรายละเอียด

...


เมื่อถามถึงการเข้าพบ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้เป็นบิดา หลังจากได้รับการโหวตเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน เล่าว่า บิดาไม่ค่อยสบาย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งตนก็คิดว่าบิดาก็อยากให้ไปหา จึงเร่งไปกราบเป็นอันดับแรก ส่วนคำถามว่านายชวรัตน์ให้พรอะไรบ้าง นายอนุทินไม่ตอบ เพียงยิ้มและหัวเราะเท่านั้น

ส่วนที่หลายคนบอกว่าการที่ถูกยึดกระทรวงมหาดไทย แล้วกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะควบกระทรวงมหาดไทยด้วยหรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะก่อนจะแซวผู้สื่อข่าวว่า “ชอบแอบถาม” แต่ไม่ได้ตอบคำถามนี้ เมื่อถามอีกว่าการจัดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะนี้มีการฟอร์มทีมเรียบร้อยแล้วหรือยัง นายอนุทิน ตอบว่า แน่นอน เพราะว่าถ้าบอกว่ายังไม่ได้ทำอะไรเลย แสดงว่าเราไม่ได้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาเปิดเผยกัน ยืนยันใช้เวลาโดยเร็วอย่างแน่นอน ในคำถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลโอเคหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า “ผมโอเค เขาก็ต้องโอเค”


ทางด้านคำถาม เสียงที่โหวตสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกี่ยวกับโควตารัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายอนุทินหัวเราะก่อนตอบว่า มันผ่านไปแล้ว อย่าไปพูดอะไรให้มันเกิดความขัดแย้งหรือความระหองระแหง หลายคนบอกว่าตนมีคุณสมบัติพิเศษ ไม่ชอบความขัดแย้ง สามารถทำให้คนที่เคยขัดแย้งกันกลับมาเป็นมิตรได้ ตนเลยอยากรักษาคุณสมบัติของตนไว้

ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่หากเลือกนายอนุทิน เขากระโดงจะหายไปตลอดกาล ว่า จะให้ตนพูดว่าอย่างไรดี แต่ขอให้ความมั่นใจ อะไรเป็นของรัฐก็ต้องเป็นของรัฐ ขอให้ทำตามกฎหมาย แต่อย่ามายัดเยียดหรือมาปรุงแต่งเหมือนที่เขาทำกันมา


ส่วนเรื่องที่จะมีการเพิกถอนที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ นายอนุทิน ระบุว่า ทุกอย่างทำตามกฎหมาย แต่หากพูดไปมากเดี๋ยวจะไปขัดแย้งกัน ทุกอย่างจะใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องที่ดินเขากระโดง และเรื่องฮั้ว สว. ขณะที่อะไรก็ตามที่จงใจใส่ร้ายป้ายสีเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง ตนจะติดตามอย่างใกล้ชิดและเปิดเผย ใช้กฎหมายให้เป็นที่ยอมรับของทุกคนให้ปราศจากข้อสงสัย พร้อมย้ำว่าพวกเราไม่ได้ทำ ทั้งนี้เมื่อเราไม่ได้ทำก็ไม่มีใครสามารถเอาผิดพวกเราได้ ยกเว้นพวกที่จะเอาเรื่องนี้มาใส่ร้ายป้ายสี และไม่ขอบอกว่าใคร เท่าที่ติดตามดูก็เห็นอยู่แล้วว่าใคร

ส่วนคำถามว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือไม่ เพราะดูแลเรื่องเขากระโดง และฮั้ว สว. นายอนุทิน ถามกลับว่ากังวลเรื่องอะไร ตนกังวลว่าเขาจะทำไม่ดี ซึ่งจะเข้าไปกำกับดูแลเพื่อให้เขาทำให้ดี ทำให้มันถูกต้อง โปร่งใส ไม่เป็นเครื่องมือของนักการเมืองที่ใช้อำนาจรัฐในการข่มเหงรังแกประชาชน

“ถ้าคนอย่างพวกผมยังโดนกล่าวหา กลั่นแกล้งขนาดนี้ แล้วประชาชนทั่วไปเวลาโดนแบบนี้บ้างจะเป็นอย่างไร ฉะนั้นตรงนี้หากเข้ามาแล้วก็ต้องทำให้ดีขึ้น ให้อำนาจการกลั่นแกล้งและความพยายามทั้งหลายที่จะยัดเยียดข้อหา หรือใช้อำนาจรัฐก่อให้เกิดโทษแก่ผู้ที่เป็นฝ่ายตรงข้าม สิ่งพวกนี้ต้องหมดไป และต้องใช้กระบวนการยุติธรรม Justice for all (ความยุติธรรมสำหรับทุกคน) และทุกคนต้องเท่าเทียมกันหมด บ้านเมืองนี้ขื่อมีแป มีกฎหมาย อย่าให้คนพาลมาทำแบบนี้เพื่อประโยชน์ของตัวเองนั่นไม่ได้ หลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ซึ่งผมมีสัญญาณหลายอย่าง ตั้งแต่มีข่าวเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง ไม่อยากมองว่าเป็นการเปลี่ยน แต่หลายคนบอกว่าถูกบังคับให้ทำ แต่ไม่เป็นไรค่อยๆ ว่ากันไป ผมไม่มีคำว่าเช็คบิล และไม่มีอะไรทั้งสิ้น และคำว่าเจ๊เก็บตังค์สำหรับผมนั้นไม่มี”