ประชุมสภาฯ ยังไม่เริ่ม “โหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32” หลัง สส.ภูมิใจไทย เสนอญัตติเลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อน แต่เพื่อไทยแย้ง ไม่ควรเลื่อน ต้องเป็นตามลำดับ “จุลพันธ์” เหน็บใครมีบุญญาวาสนาถึงก็ได้เป็น
เมื่อเวลา 09.41 น. วันที่ 5 กันยายน 2568 น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย เสนอญัตติให้เลื่อนวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ขึ้นมาพิจารณาก่อน ในระหว่างที่สภาฯ กำลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ พ.ศ. .... ที่ที่ประชุมเห็นชอบให้เลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อน
ทางด้าน นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าเห็นแย้ง เนื่องจากวาระเลือกนายกรัฐมนตรีสำคัญมาก ต้องให้ สส. มีเวลาตัดสินใจ และจริงๆ ต้องให้เวลาเต็มๆ 3 วัน จึงเห็นแย้ง และขอให้เลื่อนไปก่อน ทางด้าน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ถามที่ประชุมว่าจะมีมติเห็นเป็นอย่างไร เนื่องจากมี 2 ทาง
ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ในฐานะ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย บอกว่า ก่อนที่จะมีการลงมติเป็นประเพณีปฏิบัติที่จะเปิดให้สมาชิกอภิปราย เพราะทางพรรคร่วมฝ่ายค้านยังมีเพื่อนสมาชิกที่อยากจะแสดงความคิดเห็นในเรื่องญัตติที่มีความแตกต่างและเราต้องลงมติว่าควรจะเลื่อนระเบียบวาระหรือไม่คงตามเดิม ก่อนจะย้ำอีกครั้งว่าฝ่ายค้าน ขณะนั้นนายจุลพันธ์ เพิ่งรู้ตัวว่าพูดผิด จึงหลุดหัวเราะก่อนจะแก้ไขว่าพวกตนมีสมาชิกที่เตรียมพร้อมอภิปรายสนับสนุนญัตตินายวัชระพล ทำให้เพื่อนในสภาฯ ต่างหลุดหัวเราะ
...
จากนั้นประธานสภาฯ กล่าวว่าให้แสดงความคิดเห็นเพียงเล็กน้อยในเหตุผลของฝั่งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ในช่วงหนึ่ง นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ในฐานะ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคกล้าธรรม อภิปรายว่า ชื่นชมประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ทราบดีว่าขณะนี้การที่เราจะร่วมกันพิจารณาบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี มีความเห็นเป็น 2 ทาง ตนมีโอกาสไปร่วมประชุมวิป 2 ฝ่าย ฝั่งหนึ่งอยากให้เลือกนายกฯ อีกฝั่งคิดว่าเรื่องนี้ยังรอได้ แต่ชื่นชมที่ประธานคงไว้ในศักดิ์ศรีสภาฯ บรรจุไว้ในเรื่องด่วนที่ 8
ส่วนเหตุผลที่ตนและ สส.พรรคกล้าธรรม เห็นว่าควรเร่งเลือกนายกฯ เพราะสถานการณ์ประเทศขณะนี้ต้องมีรัฐบาลเข้าทำงาน แก้ไขปัญหา อาทิ ชายแดน ภาษีทรัมป์ ถ้ามีสุญญากาศไม่รู้ว่ากระบวนการนี้จะมีคนไปต่อยอดทันหรือไม่ เชื่อว่า สส. ไม่มีใครอยากเลือกตั้ง เพิ่งผ่านมา 2 ปีกว่า เชื่อว่าภารกิจต่างๆ ยังสามารถขับเคลื่อนได้ การสนับสนุนรัฐบาลเพื่อทำภารกิจอย่างเร่งด่วนใน 4 เดือน วันนี้จำเป็นอย่างยิ่ง พร้อมโยงไปถึงครั้งเลือก น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี จึงเห็นควรว่าไม่ควรเลื่อน เพราะประชาชนรอว่าใครจะเป็นนายกฯ คนที่ 32 อย่างไรก็ตาม นายอรรถกร พูดผิดจากพรรคกล้าธรรม เป็นพรรคก้าวไกลถึง 2 ครั้ง จึงขอโทษที่พูดผิด และยังระบุว่าจะเป็นรัฐบาล 4 ปีก่อนแก้เป็น 4 เดือน
ต่อมา น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าวอีกครั้งว่า ในฐานะที่เป็นผู้เสนอญัตติ เป็นเพียงการเลื่อนวาระขึ้นมาเท่านั้น หากเลื่อนขึ้นมาสำเร็จก็จะมีการอภิปรายอีกอย่างยาวนาน ขอให้ประธานวินิจฉัยว่าจะอนุญาตกี่คน ใช้เวลาเท่าไหร่ ทางด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เห็นด้วยกับประธานว่าการเลื่อนวาระหรือไม่นั้นไม่ควรใช้เวลามาก ขอให้ประธานกำหนดเวลาอย่างชัดเจน เพราะมีวาระอื่นรออยู่
ในช่วงนี้ นายจุลพันธ์ กล่าวอีกครั้งพูดในทำนองเหน็บว่า ประธานกำหนดเวลาเหมาะสม 5 นาทีไม่เกิน ทุกคนปฏิบัติตาม ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเศษๆ เท่านั้นเต็มที่ เป็นสิ่งที่ดำเนินการได้โดยชอบ และเป็นการรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน ทุกครั้งเราก็ปฏิบัติอย่างนี้ “ท่านไม่ต้องกลัวครับ การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีมันก็อยู่ในระเบียบวาระ ยังไงวันนี้มันก็ต้องเดินไปถึง ถ้ามีเสียงครบท่านได้เป็นแน่นอน ใครมีบุญญาวาสนาท่านจะถึง ท่านได้เป็นครับ ไม่ต้องไปห่วง แต่อย่าเริ่มความอยากเป็นรัฐบาลด้วยการปิดปาก” ก่อนที่ประธานจะห้ามปราม และเข้าสู่การอภิปรายของสมาชิกรายอื่นๆ ต่อไป
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีถูกพาดพิงหลายครั้งจากผู้อภิปรายหลายคนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากรัฐธรรมนูญที่บิดเบี้ยว จึงต้องหาทางออกมุ่งหน้าสู่การยุบสภา พร้อมเรียกร้องทุกคนในที่แห่งนี้ว่า วันนี้เรามีญัตติโหวตนายกฯ ถ้าเห็นว่าสำคัญและต้องเลื่อนขึ้นมาก่อน ขอเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคและผู้นำพรรคต่างๆ ลุกขึ้นมายืนยันว่าจะเลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อน แล้วจะอยู่เป็นองค์ประชุมพิจารณากฎหมายอื่นๆ จนจบ.