"โรม" ขอโทษประชาชนที่ทำให้ผิดหวัง โหวตหนุน "อนุทิน" นั่งนายกฯ ชี้เป็นจุดลำบากที่สุดในการตัดสินใจ ยืนยันอยากให้ยุบสภาหาทางออกให้ประเทศ และไม่เห็นด้วยกับการใช้นิติสงคราม
วันที่ 4 กันยายน 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ก่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย.68) ว่า ตนเองยังไม่อยากให้การบ้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ขอให้ได้เป็นนายกฯ จริงก่อน เพราะตอนนี้มีสถานการณ์ที่ต้องยอมรับว่าสรุปเรื่องยุบสภาเป็นอย่างไร ตนเองเห็นตามหน้าข่าวว่า พรรคเพื่อไทยยื่นยุบสภา แต่ปัญหาคือมีการตีตก ซึ่งหากมีตกจริง ตีตกด้วยสาเหตุอะไร ตนเองยืนยันว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มีอำนาจในการเลื่อนยุบสภา เรื่องนี้มีการถกเถียงในข้อกฎหมาย บางฝ่ายมองว่ายุบได้บางฝ่ายมองว่ายุบไม่ได้ ถ้ายุบไม่ได้ก็ต้องประกาศให้ชัด จะได้มีการเลือกนายกฯ
วันนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ รับทราบเรื่องนี้แล้ว จึงบรรจุวาระเลือกนายกฯ คนใหม่ในวันพรุ่งนี้ แต่เรายังอยากได้ความชัดเจนว่ากระบวนการยุบสภาจบแล้วใช่หรือไม่ ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้แล้วใช่หรือไม่
ส่วนที่มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทย จะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แข่งกับพรรคภูมิใจไทย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การที่พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายชัยเกษม เท่ากับว่ากระบวนการยุบสภาจบแล้วใช่หรือไม่ พรรคประชาชนอยากให้มีการตั้งหลักให้ชัดเจน เราเรียกร้องมาโดยตลอดว่าเราอยากเห็นการยุบสภา หากมีการยุบสภาตามข้อเรียกร้องของพรรคประชาชน ปัญหาหลายอย่างจะไม่เกิดขึ้น
...
สิ่งที่เรากลัวที่สุดเรื่องที่ความพยายามในการสร้างสถานการณ์ให้บุคคลภายนอกเข้ามาอาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นตนเองก็เป็นห่วง พรรคประชาชนจึงต้องหาทางออก และจะไม่ปล่อยให้ประเทศถึงทางตัน อย่างไรก็ตามยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงในการโหวตเลือกนายกฯ ยังจะเลือกนายอนุทิน ตามที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนลงนามใน MOA แต่เราไม่เห็นด้วยกับการใช้นิติสงครามเช่นนี้ เพราะไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ส่วนที่เมื่อวานนี้พรรคภูมิใจไทยไม่อยู่เป็นองค์ประชุมให้ในร่างกฎหมายของภาคประชาชน เป็นเรื่องที่เราต้องคุยกัน เราคาดหวังว่าทุกฝ่ายจะช่วยให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านไปได้ จึงรู้สึกผิดหวังที่ไม่มีการลงมติ
เมื่อถามถึงกรณีที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์กับการที่พรรคประชาชนโหวตนายอนุทินเป็นนายกฯ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเองเข้าใจในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองของมวลชน คงต้องยอมรับในข้อวิพากษ์วิจารณ์ เราอยากให้ประชาชนสนับสนุนต่อไป เราเข้าใจดีว่าประชาชนจำนวนมากมีจุดยืนของตนเอง และมีความคาดหวังต่อพรรคประชาชน
จุดที่เรากำลังยืนอยู่ เป็นจุดที่เรากังวลว่ามันจะเกิดขึ้น เป็นจุดที่เราไม่อยากให้เป็น แต่เมื่อมันมาถึงก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เราไม่ได้อยากจะไปเลือกให้ใครเป็นนายกฯ อยากให้เลือกยุบสภา เป็นสิ่งที่ดีที่สุดและคลี่คลายความขัดแย้งได้ แต่เมื่อเราไม่ใช่คนเดียวที่จะมีอำนาจตัดสินใจ ก็ต้องหาทางออกให้กับประเทศ ไม่เช่นนั้นอาจจะมีบุคคลอื่นที่ใช้โอกาสนี้ในการเข้ามา อาจจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายกับประเทศชาติ จึงต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
"ขอโทษทุกคนที่ทำให้ผิดหวัง ไม่ได้ตัดสินใจตามที่ทุกคนคาดหวัง ผมยืนยันว่าจุดนี้คือจุดที่เราลำบากที่สุดในการตัดสินใจ แต่ก็ต้องทำหน้าที่ให้ได้เพื่อแก้ปัญหาที่มีความเสี่ยง เราต้องเดินหน้าจนกว่าจะมีเหตุเปลี่ยนแปลง"
นายรังสิมันต์ เผยต่อว่า คาดหวังว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นก่อนที่จะมีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในคดีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นกับนางสาวแพทองธาร มีการพูดมาโดยตลอด แม้กระทั่งตัวแทนของฝ่ายรัฐบาลเขาก็กังวลในเรื่องนี้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปแล้ว ก็มีโอกาสที่จะมีคนบางฝ่ายที่พยายามตีความว่านายภูมิธรรม ไม่มีอำนาจในการยื่นยุบสภา ถ้าเราเอาปัญหาของประเทศและความเสี่ยงเป็นที่ตั้ง จะไม่มาถึงจุดนี้เลย ถ้ามีการยุบสภาก่อนหน้านี้
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากที่สุดท้ายทุกฝ่ายทำให้ประเทศมาถึงจุดนี้ และเกิดความเสี่ยงใหม่ พรรคประชาชนอยากจะทำให้เกิดความชัดเจนก่อนเกี่ยวกับสถานการณ์การยุบสภา อยากให้พรรคเพื่อไทยสร้างความชัดเจน รวมถึงนายวันมูหะหมัดนอร์ ผู้มีอำนาจในการบรรจุวาระ เพื่อจะได้เดินหน้าหาทางออกให้กับประเทศต่อไป
นายรังสิมันต์ ทิ้งท้ายว่า ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายค้าน ทุกคนหาเสียงเพื่ออยากเป็นรัฐบาล เพียงแต่เราต้องยอมรับว่ากลไกนิติสงคราม รัฐธรรมนูญที่มีนักการเมืองแบบที่เราเห็น สุดท้ายนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้รับการเลือกเป็นนายกฯ แต่เราก็แสดงจุดยืนมาโดยตลอดว่าจะไม่ขอร่วมรัฐบาล ตนเองเชื่อว่าการรักษาสัจจะเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้การเมืองนำไปสู่ความเลวร้าย เราไม่อยากเป็นพรรคการเมืองแบบนั้น เรารู้ดีว่ามีความปรารถนาดีที่จะให้เราไปรับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ที่ผ่านมาเราแสดงจุดยืนที่ว่า จะไม่ขอรับตำแหน่งมาโดยตลอด เราจึงขอเลือกรักษาคำพูดที่ได้ให้ไว้กับประชาชน.