เปิดประวัติ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 จบการศึกษาต่างประเทศ เข้าสู่เส้นทางการเมืองตั้งแต่ปี 2539 ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี วลีที่เป็นดราม่า "โควิดกระจอก"
ประวัติ "อนุทิน ชาญวีรกูล"
สำหรับประวัติของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นบุตรชายของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีต สส. และรัฐมนตรีหลายสมัย เกิดวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2509 ชื่อเล่น "หนู" สื่อมวลชนนิยมเรียกกันว่า "เสี่ยหนู" อายุในปี 2568 จะอายุครบ 59 ปี
...
ประวัติอนุทิน ด้านการศึกษา
ด้านการศึกษา นายอนุทิน สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ ก่อนไปศึกษาต่อที่ สหรัฐฯ เมื่อปี พ.ศ. 2532 จบระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮอฟสตรา (Hofstra University) ที่นิวยอร์ก และเริ่มต้นชีวิตการทำงานในธุรกิจของครอบครัว
ระหว่างนั้นก็ยังศึกษาหาความรู้เพิ่ม ทั้ง Mini MBA มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยรามคำแหง, หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน รุ่นที่ 9 (วตท.9), หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ด้านการบริหารงานพัฒนาเมือง รุ่นที่ 1 (มหานคร 1), หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ด้านการพัฒนาเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 3 (พ.ต.ส.3), หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ด้านวิทยาการพลังงาน รุ่นที่ 1 (วพน.1), หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 17 (บ.ย.ส.17), ปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ รุ่นที่ 9 (TEPCOT 9), โครงการฝึกอบรมการพัฒนาผู้บริหารระดับสูง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พ.ศ. 2560 หลักสูตรการปฏิรูปธุรกิจและสร้างเครือข่ายนวัตกรรม รุ่นที่ 1 (BRAIN 1), หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 5 (ปธพ.5), หลักสูตรการบริหารการท่องเที่ยวสำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 1 (กทส.1), ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น, ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, หลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 6 (นธป.6) และหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 61 (วปอ.61)
ชีวิตครอบครัวของ "อนุทิน"
นายอนุทิน สมรสครั้งแรกกับ สนองนุช วัฒนวรางกูร เมื่อ พ.ศ. 2533 และมีบุตร 2 คน คือ นัยน์ภัค และ เศรณี ชาญวีรกูล ต่อมาใน พ.ศ. 2556 ได้หย่าร้าง และสมรสใหม่กับ ศศิธร จันทรสมบูรณ์ ต่อมาในเดือนมกราคม 2562 นายอนุทิน ได้หย่ากับ ศศิธร และปัจจุบันคบหาดูใจกับ สุภานัน นิราษิท หรือ จ๋า ภรรยาคนที่ 3 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งเจ้าตัวก็เคยให้สัมภาษณ์ว่ามักจะไปเช็กอินที่ร้านกาแฟของฝ่ายหญิง
เส้นทางการเมือง ของ "อนุทิน"
นายอนุทิน เข้าสู่วงการการเมืองเมื่อปี 2539 โดยการรับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (ประจวบ ไชยสาส์น) และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (พ.ศ. 2547 และ พ.ศ. 2548) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (พ.ศ. 2547) ต่อมาถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารของพรรคไทยรักไทย และหลังจากพ้นกำหนดการตัดสิทธิทางการเมืองในปี 2555 ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคต้นสังกัดของ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้เป็นบิดา ที่ย้ายมาจากพรรคพลังประชาชนร่วมกับกลุ่มเพื่อนเนวิน และต่อมาได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคต่อจากบิดา
จากนั้นในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 นายอนุทิน ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 1 แต่การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2562 ได้รับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 1 และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบุคคลที่พรรคการเมืองจะเสนอชื่อต่อรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี (แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี)
ซึ่งหลังการเลือกตั้ง นายอนุทิน และพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเป็นสมัยที่ 2 และได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และยังดำรงตำแหน่งประธานสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขอีกตำแหน่งหนึ่ง
โดยระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีดราม่าเมื่อ นายอนุทิน ใช้คำว่า "โควิดกระจอก" ก่อนที่ต่อมา โควิดจะระบาดหนักในประเทศ จนมีผู้ติดเชื้อแตะหลักหมื่นคนต่อวัน และเสียชีวิตหลักร้อยคนต่อเนื่องหลายเดือน
ขณะที่การเลือกตั้งปี 2566 นายอนุทิน ได้รับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 1 และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และต่อมาเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ก่อนจะได้ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
กระทั่งมีการจัดตั้งรัฐบาลครั้งใหม่ ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ซึ่งพรรคก้าวไกล ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แม้จะเป็นพรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 ในการเลือกตั้ง โดยพรรคเพื่อไทยได้เชิญพรรคภูมิใจไทยที่มี สส. 71 เสียง ร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยหลังการจัดตั้งรัฐบาล และโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐบาลทั้งคณะ นายอนุทิน ได้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และคุมกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรัฐมนตรีว่าการ อีก 1 ตำแหน่ง
เส้นทางสู้ว่าที่นายกฯ คนที่ 32 ของ "อนุทิน"
ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา นายอนุทินและพรรคร่วมรัฐบาล ได้เผชิญกับความขัดแย้งที่รุนแรงในหลายประเด็น ทั้งเรื่องนโยบายและการบริหารงาน ส่งผลให้เกิดความไม่ลงรอยกันอย่างหนัก จนเดือน มิ.ย. 2568 นายอนุทิน ได้ทำหนังสือ ขอลาออกจากตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย
กระทั่งเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีคลิปเสียงที่สนทนากับ "ฮุน เซน" ทำให้ต้องมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
และแม้ พรรคภูมิใจไทย จะไม่ได้เป็นพรรคที่ได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่เพราะการดีลกับ "พรรคประชาชน" สำเร็จ ทำให้พรรคประชาชนมี