"ศุภชัย-สุรทิน-ไทกร" ถอนแจ้งความ "ภูมิธรรม" ข้อหา ม.112 แล้ว เหตุประธานสภาฯ บรรจุวาระเลือกนายกฯแล้ว ถือว่าความพยายามยุบสภายุติ ประเทศเดินหน้าต่อแล้ว
วันที่ 4 ก.ย. นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Suphachai Jaismut" ระบุว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุระเบียบวาระให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว นั่นหมายความว่าความพยายามที่จะยื่นยุบสภาได้ยุติลง ซึ่งประเทศจะเดินหน้าต่อไปได้เป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ผมว่าหลายท่านเห็นการเมืองของเมืองไทยมาก็จะพบว่าในบางสถานการณ์ ก็สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ความจริงที่มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือแต่ละฝ่ายที่อยู่คนละข้างกันล้วนแล้วแต่รู้จักคุ้นเคยรักใคร่ เป็นพี่เป็นน้องเป็นเพื่อนกัน บางครั้งเคยอยู่ฝ่ายเดียวกันแล้วสถานการณ์ก็ผลักดันให้ไปอยู่ฝ่ายตรงกันข้าม
ชีวิตการเมืองของผมก็เป็นเช่นนี้ เพราะการต่อสู้ที่ว่านี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าคือสงครามช่วงชิงอำนาจ ซึ่งบางคราวก็ชนะบางครั้งก็แพ้ ผู้ใหญ่ที่รักเคารพของผมเคยให้คำแนะนำว่าหากแพ้ก็ให้หมอบให้ราบ รอเวลา และเมื่อชนะก็ไม่ซ้ำเติมฝ่ายที่แพ้ ซึ่งผมก็ยึดถือปฏิบัติแบบนี้มา จบ ถือว่าจบ ไม่มีอาฆาตหรือคิดแก้แค้น
เพราะที่สุดแล้วคนทำงานการเมืองด้วยอุดมการณ์เป้าหมายของเราก็คือประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชน ซึ่งแน่นอนที่สุดประเทศจะเดินหน้าต่อไปได้ก็ด้วยความสามัคคี
ผมจึงตัดสินใจว่า ผมไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีอาญากับนายภูมิธรรม เวชยชัย ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกต่อไป และจะดำเนินการถอนคำร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน
“บ้านเมืองไทยสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ได้โดยดี เพราะว่าจิตใจสามัคคีและแสดงออกซึ่งสามัคคี ถ้าตราบใด เรารักษาความสามัคคีและความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันไว้ได้ เราก็จะอยู่ได้อย่างมีความสุขตราบนั้น” ความตอนหนึ่ง ในพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่คณะประชาชนจังหวัดราชบุรี ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531
...
ขณะที่ นายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ และ นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อถอนแจ้งความ หลังจากที่เมื่อวานนี้ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามมาตรา 112 จากกรณีพยายามยื่นทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร เนื่องจากตัวนายภูมิธรรมไม่มีอำนาจดังกล่าว
โดยในวันนี้ นายไทกร ยอมรับว่าสาเหตุที่เมื่อวานแจ้งความนายภูมิธรรม เพราะเห็นว่ากระบวนการที่นายภูมิธรรมกำลังทำอยู่ คือการผลักดันให้พระมหากษัตริย์ทรงเข้าไปอยู่ระหว่างศึกแย่งชิงอำนาจทางการเมือง อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาประมาณ 3 ทุ่มที่ผ่านมา วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ออกหนังสือเรียกประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ ทำให้ตนเองสบายใจได้ว่าจะไม่มีความพยายามที่จะดำเนินการยุบสภาอีกแล้ว ส่วนนายภูมิธรรมก็ยกเลิกภารกิจวันนี้ทั้งหมด ไม่มีความพยายามจะยื่นทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ครั้งที่ 2
ดังนั้น เชื่อว่านายภูมิธรรมเข้าใจแล้วว่าทำผิดพลาด จึงเป็นเรื่องที่ควรให้โอกาส เพื่อให้การเมืองดำเนินการไปตามปกติ คือให้มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตามตนเองยังคงยืนยันว่านายภูมิธรรมไม่สมควรเดินหน้าทำสิ่งที่ไม่บังควรต่อไป
ส่วนนายสุรทิน บอกว่าที่ตัดสินใจถอนแจ้งความ เพราะมองว่าบ้านเมืองเดินหน้าไปแล้ว ทุกอย่างยุติแล้ว และกำลังจะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ดังนั้นจึงถอนแจ้งความเพื่อให้เพื่อนๆ ทุกฝ่ายทุกวงการเกิดความสบายใจ ยืนยันไม่มีใครกดดันให้ออกมาถอนแจ้งความ