3 สส.ประชาธิปัตย์ แจง 4 เหตุผลหนุน “อนุทิน” ตั้งรัฐบาล-นั่งนายกฯ คนที่ 32 ผ่าทางตันประเทศ ปัดต่อรองตำแหน่งทางการเมือง ย้ำขอใช้เอกสิทธิ์ สส. ตามรัฐธรรมนูญ
วันที่ 3 กันยายน 2568 นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา, นายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา และนายราชิต สุดพุ่ม สส.นครศรีธรรมราช 3 สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกคำชี้แจงกรณีร่วมลงชื่อสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่า ตามที่ปรากฏว่าพวกตนได้สนับสนุนข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยในการเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในช่วงเปลี่ยนผ่าน แก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้า จัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยุบสภาผู้แทนราษฎรนั้น พวกตนขอชี้แจงเหตุผลและเจตนารมณ์ใน 4 ประเด็นสำคัญ
1. พวกตนทั้ง 3 คนเห็นว่า ปัญหาความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ปรากฏชัดเจนที่สุดในกรณีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ได้ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงกรณีคลิปเสียง จนบั่นทอนความเชื่อมั่นของสังคมไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงการขาดคุณสมบัติและความซื่อสัตย์สุจริตที่ผู้นำควรมี ยังทำให้รัฐบาลสูญเสียความชอบธรรม ในการบริหารประเทศ และทำลายศักดิ์ศรีของประเทศโดยรวม การบริหารประเทศภายใต้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถตอบสนองต่อความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม ขาดความจริงใจในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่ประชาชนเผชิญอยู่ในชีวิตประจำวัน
2. การที่พวกตนลงนามสนับสนุนให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการตัดสินใจในฐานะ สส. ที่สำคัญคือพรรคภูมิใจไทยเคยร่วมสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ในการจัดตั้งรัฐบาล ในช่วงปี 2551-2554 จนสามารถสร้างเสถียรภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม ตรงกันข้ามพรรคเพื่อไทยในห้วงเวลานั้น กลับเลือกที่จะล้มรัฐบาลและผลักประเทศเข้าสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งใหญ่
...
3. พวกตนเห็นด้วยกับ 5 เงื่อนไขร่วมที่ทั้งสองพรรควางไว้เพื่อผ่าทางตันประเทศทั้งการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด การจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนมากที่สุด และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่กระทบชีวิตประชาชน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และปัญหาความมั่นคงชายแดน
4. การสนับสนุนของพวกตน มิได้มีเจตนาเพื่อแลกเปลี่ยนตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น หากแต่เป็นการใช้เอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่บัญญัติว่า “สส. ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ..” เพื่อยืนยันว่า เสียงของพวกตนคือเสียงที่ประชาชนมอบให้.