อนุทิน ชาญวีรกูล หรือชื่อที่สื่อมวลชนเรียกอย่างลำลองว่าเสี่ยหนู ถือเป็นนักการเมืองที่คร่ำหวอดในแวดวงการเมืองอย่างยาวนาน ก่อนหน้าที่อนุทินจะเข้ามาทำงานการเมือง อนุทินทำงานในธุรกิจก่อสร้างของครอบครัวนั่นคือ บริษัทซิโน-ไทย แล้วเมื่อเข้ามาทำงานการเมืองอย่างจริงจัง ชื่อของอนุทินก็อยู่บนหน้าสื่ออย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ

บนเส้นทางการเมืองของอนุทินในวัยเฉียด 59 ปี จะเห็นได้ว่า เขาเคยมีตำแหน่งทางการเมืองสำคัญๆ มาแล้วในหลายรัฐบาลในหลากหลายกลุ่มการเมือง เริ่มตั้งแต่ปี 2539 อนุทินเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประจวบ ไชยสาส์น ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ต่อด้วยในช่วงปลายอันรุ่งเรืองของพรรคไทยรักไทย อนุทินได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลทักษิณ

จนกระทั่งปี 2549 ได้เกิดมรสุมการเมือง จากการทำรัฐประหารโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้มีการแต่งตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ จนเกิดเป็นคำวินิจฉัยคดียุบพรรคการเมือง ส่งผลให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จำนวน 111 คน หรือที่เรียกกันว่าบ้านเลขที่ 111 ทำให้อนุทินถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเขาเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 

หลังพ้นโทษแบนทางการเมือง อนุทินได้สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ที่ในขณะนั้นมีหัวหน้าพรรคคือชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้เป็นบิดาที่ย้ายมาจากพรรคพลังประชาชนร่วมกับกลุ่มเพื่อนเนวิน ก่อนที่อนุทินจะก้าวมาเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2555

อนุทินหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
อนุทินหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

...


ทั้งนี้ แนวทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยถือได้ว่านี่คือพรรคการเมืองขนาดกลางที่มีทักษะในการต่อรองสูง และพร้อมร่วมรัฐบาลได้หลายสมการการเมืองขึ้นอยู่กับบริบทและช่วงเวลา

ในการทำงานในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อนุทินได้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเป็นสมัยที่ 2 โดยเขาได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

อย่างไรก็ตาม การทำงานของอนุทินในฐานะรมว.สาธารณสุข เขาได้ถูกวิจารณ์ในด้านการทำงานอย่างหนักในช่วงของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

เมื่อปี่กลองแห่งการเลือกตั้งกลับมาอีกครั้ง โดยในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 อนุทินในฐานะบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรคภูมิใจไทย หลังการเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยได้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยที่ตัวของอนุทินได้รับการแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

การทำงานในกระทรวงมหาดไทยของอนุทิน เขาได้กล่าววาทะที่กลายเป็นที่พูดถึงในสังคมว่า "ผมเป็นคนทำงานวันนี้ สั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน เพราะงั้นก็ขอให้ทุกคนได้มีความมั่นใจ" ซึ่งประโยคนี้เป็นสิ่งที่คนทำงานจำนวนมากเคยเจอ จากเหตุการณ์ที่ลูกค้า-เอเจนซี-หัวหน้างาน ที่สั่งงานอย่างเร่งด่วนจนคนทำงานไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ทันท่วงที เพราะกระชั้นชิดเหลือเกิน 

อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน
อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน


เพียงแต่สถานการณ์ทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยเกิดความระหองระแหง ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยต้องการเก้าอี้กระทรวงมหาดไทยที่ดูแลโดยอนุทินกลับมาอยู่ภายใต้การดูแลของพรรคเพื่อไทยอีกครั้งหนึ่ง นั่นจึงทำให้อนุทินตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แล้วย้ายลงมานั่งในฝั่งพรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกับพรรคประชาชน

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ทางการเมืองยังคงร้อนระอุ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากกรณีต้นทางที่มาจากคลิปเสียงระหว่างแพทองธารกับสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ส่งผลให้การเมืองไทยเข้าสู่สภาวะชิงไหวชิงพริบ ทำให้พรรคประชาชนเป็นคีย์แมนหลักในการเลือกว่าจะเลือกสนับสนุนพรรคใดเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังการพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทยนำโดยอนุทินได้เข้ามาเจรจากับพรรคประชาชน ขณะที่พรรคเพื่อไทยใช้เวลาอีกหลายวันหลังจากนั้นกว่าที่จะเข้าไปเจรจากับพรรคประชาชน 

อนุทินแถลงที่รัฐสภา พร้อมทำตาม TOR ทุกข้อของพรรคประชาชน
อนุทินแถลงที่รัฐสภา พร้อมทำตาม TOR ทุกข้อของพรรคประชาชน


ในท้ายที่สุดในช่วงเช้าของวันที่ 3 กันยายน พรรคประชาชนประกาศสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยและเสนอชื่ออนุทินเป็นนายกฯ พรรคประชาชนได้เสนอให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มีพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลภายใต้เงื่อนไขยุบสภาภายใน 4 เดือนและเดินหน้าปฏิรูปรัฐธรรมนูญ 

หลังจากได้รับการสนับสนุนจากพรรคประชาชน อนุทินได้กล่าวดีใจที่พรรคประชาชนจะโหวตสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคเพื่อไทยส่งสัญญาณว่า อาจยุบสภาเลือกตั้งใหม่ 

นอกเหนือจากชีวิตการเมืองแล้ว ภาพจำอีกภาพหนึ่งของอนุทินก็คือ การเป็นนักขับเครื่องบิน อนุทินเล่าว่า เรื่องการได้พบกับความชอบในการขับเครื่องบิน เกิดขึ้นในช่วง 5 ปีแห่งการถูกเว้นวรรคทางการเมือง ที่ทำให้อนุทินมีโอกาสใช้เวลาพบปะเพื่อนฝูงมากขึ้น โดยวันหนึ่งได้ไปพักผ่อนที่เขาใหญ่ ที่เดินทางด้วยรถยนต์ได้ แต่มีเพื่อนคนหนึ่งขับเครื่องบินส่วนตัวมาเอง นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ เกิดคำถามว่า รถหรูก็มีแล้ว ทำไมเสี่ยหนูจะขับเครื่องบินเองไม่ได้บ้าง จึงเริ่มเรียน ทดสอบ ฝึกบินในวัย 45 ปี และเป็นเจ้าของเครื่องบินส่วนตัวเองได้ในที่สุด

ตามที่อนุทินแจ้งเอาไว้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในปี 2566 อนุทินได้แจ้งว่าเขามีเครื่องบินทั้งสิ้น 3 ลำ ได้แก่ 

  • Cirrus SR22T ราคาประมาณ 22 ล้านบาท
  • Embraer Legacy 600 ราคาประมาณ 534 ล้านบาท
  • Daher-Socata TBM 930 ราคาประมาณ 139 ล้านบาท

เส้นทางการบินของอนุทินขับมาแล้วทั้งไกลและใกล้ โดยมีหนึ่งในภารกิจที่น่าสนใจไม่น้อยนั่นคือ “หัวใจติดปีก” ซึ่งเป็นการรับส่งหัวใจให้แก่ผู้ที่รอเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ

อนุทินกับภารกิจ “หัวใจติดปีก”
อนุทินกับภารกิจ “หัวใจติดปีก”


อนุทินเล่าว่า ภารกิจหัวใจติดปีก เริ่มต้นจากการที่ชักชวนจากเพื่อนที่รู้จักผ่านการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) รุ่นที่ 9 ในช่วงปี 2553 หลังการทดลองขับเลยเกิดความหลงใหลจึงตัดสินใจซื้อเครื่องบินส่วนตัวเพื่อใช้เดินทางในชีวิตประจำวันและธุรกิจเช่าเหมาลำ 

อนุทินเล่าต่อไปว่าวันหนึ่งได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนที่เป็นหมอทางด้านศัลยศาสตร์ทรวงอกและหัวใจโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ว่า ต้องไปรับหัวใจจากคนไข้ที่สมองตายแต่หัวใจยังไม่หยุดเต้นเพื่อนำไปช่วยเหลือต่อลมหายใจผู้ป่วยอีกคนโดยใช้เวลาไม่เกิน 6 ชั่วโมง อนุทินจึงรีบตอบรับโดยสัญชาตญาณและเกิดภารกิจ "หัวใจดวงแรก" ที่รับ-ส่งหัวใจครั้งแรกสำเร็จ

ทางด้านชีวิตส่วนตัวของอนุทิน บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า อนุทินเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในเสียงดนตรี มีฝีไม้ลายมือในด้านการเล่นเปียโน และอิเล็กโทนเป็นพิเศษ