“พร้อมพงศ์” แฉ 4 ดีลลับพรรคประชาชน ยอมยกเสียงโหวตให้ภูมิใจไทย ทั้งที่อุดมการณ์ต่างกันสุดขั้ว ขู่ เตรียมรับผลทางการเมือง แขวะ ภูมิใจไทย เคยเล่นแรง ชงยุบพรรค กลับตาลปัตร ยอมทุกเงื่อนไขเพียงได้เสียงสนับสนุน จัดตั้งรัฐบาล


วันที่ 3 ก.ย. 2568 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคประชาชนมีมติโหวตสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตจากพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีว่าเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พรรคประชาชน หันไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย ทั้งที่อุดมการณ์จุดยืน อุดมการณ์คนละแนวคิด แต่สุดท้ายกลับไปร่วมมือทางการเมืองกันจนได้ ตนได้ตรวจสอบจากสื่อต่างๆ ที่ประชาชนแสดงความคิดเห็น ต่างรู้สึกเศร้าใจ ผิดหวัง กับการตัดสินใจครั้งนี้ของพรรคประชาชน ขณะเดียวกันยังก่อให้เกิดกระแสข่าวความเคลือบแคลงสงสัยจากประชาชนตามมาด้วยว่า ทั้ง 2 ฝ่าย มีดีลลับอะไรกันมากกว่าที่ปรากฏตามข่าวใช่หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น


1. กระแสข่าว 44 สส. จากพรรคก้าวไกลในขณะนั้น ที่มีส่วนร่วม แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีการรับปากจะไปตกลงเจรจาอะไรให้หรือไม่ 2.กระแสข่าวการเสนอตำแหน่งรัฐมนตรีคนนอกให้พรรคประชาชน 8 ตำแหน่ง จริงหรือไม่อย่างไร 3.กระแสข่าวข้อเสนอตกลงเป็นการภายใน พรรคประชาชนต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่ยกเว้นหมวด 1-2 และอาจจะรวมไปถึงการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร 4. คดีความของสส.พรรคประชาชน ที่มีกับแกนนำ ที่สนับสนุน พรรคภูมิใจไทย อยู่ในดีลลับครั้งนี้ด้วยหรือไม่ ที่ประชาชนสงสัย นี่คือคำถามที่ผู้นำพรรคประชาชนต้องตอบ


นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ขอตั้งคำถามต่อไปยังพรรคภูมิใจไทย การไปขอเสียงจากพรรคประชาชนให้โหวตสนับสนุน ชนิดที่ยอมทุกอย่าง ให้ทุกเงื่อนไข พรรคภูมิใจไทย เคยประกาศไม่ขอร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล สส.ในพรรคไม่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี แตกต่างจากสส.เพื่อไทยทุกคน ได้โหวตให้นายพิธา การคัดค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากพรรคประชาชน สมาชิกพรรคภูมิใจไทยเคยยื่นต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล จากการปฏิบัติอย่าง 2 มาตรฐานต่อการขับสส.ออกจากพรรค รวมทั้ง สส.ของพรรค เคยอภิปรายโจมตีการแก้ไขมาตรา 112 อย่างรุนแรง ขณะที่พรรคประชาชนเอง มีดีลลับอะไรแอบแฝง นอกเงื่อนไขที่หัวหน้าพรรคประชาชนแถลงไว้ ถึงแม้จะพยายามให้ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มาลงนาม MOU มา ยอมรับข้อตกลงต่างๆ นานา ไม่ใช่แค่ตั้ง สสร. แก้รัฐธรรมนูญ ให้นายกฯ คนใหม่อยู่ในอำนาจ 4 เดือนยุบสภาฯ มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น เพียงแค่เปิดเผยไม่ได้ ใช่หรือไม่

...


“ในอดีตพรรคภูมิใจไทยเคยมองพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล พรรคประชาชน อุดมการณ์ต่างกันสุดขั้ว เป็นคนละแนวคิดการเมือง อนุรักษ์นิยม กับ เสรีประชาธิปไตย ชนิดที่ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ ไม่ขอร่วมสังฆกรรมด้วย เป็นปลาคนละน้ำ แต่ในวันนี้ดูเสมือนว่าจะ กลับตาลปัตร พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ยอมทุกเงื่อนไข พรรคประชาชนเอง ทำตัวน่าผิดหวัง ตัดสินใจอย่างนี้ จะเป็นตราบาป ติดตัวไปตลอด และมีกองเชียร์จำนวนมากรู้สึกเศร้าใจ ขอให้เตรียมรับผลกระทบที่จะตามมาทางการเมืองด้วย” นายพร้อมพงศ์กล่าว