"แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย" ย้ำจุดยืน "นายกรัฐมนตรี" เป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่พรรค "เพื่อไทย" เด็ดขาด พร้อมท้า "ภูมิธรรม" ยุบสภาฯ
วันที่ 31 ส.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นัดรวมพลแสดงพลังต่อต้าน "ระบอบชินวัตร" หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีคลิปเสียงสนทนากับนายฮุนเซน ที่ทางพรรคเพื่อไทยพยายามสืบทอดอำนาจ โดยการเสนอชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตคนที่ 3 จากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี
...
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เผยว่า "การตัดสินชุมนุมกันในวันนี้ ทั้งพี่น้องประชาชนคณะรวมพลังแผ่นดินต่างฝ่ายต่างตัดสินใจด้วยความเร่งรีบ หลายคนมีภารกิจนัดหมายกันไปก่อน ซึ่งพี่น้องประชาชนหลายคนเตรียมตัวไม่ทัน แต่เราเห็นว่ามีการเร่งการจัดตั้งรัฐบาล คณะรวมพลังแผ่นดินจึงขอประกาศมาตรการข้อแรก คือไม่เอาแคนดิเดตนายกจากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกโดยเด็ดขาด
หลายคนถามว่าแล้วจะเอาใคร ตนจึงตอบว่า ใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่คนของพรรคเพื่อไทยโดยเด็ดขาด เพราะพี่น้องเราต่างมีประสบการณ์ แค่ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บัดนี้ 21 ปี ความไม่สงบก็ยังดำรงอยู่ ถ้าเราปล่อยให้คนตระกูลนี้บงการประเทศไทย ระหว่างไทยกัมพูชาก็ไม่ต่างไปจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ เรามีความจำเป็นที่ต้องแสดงจุดยืนกัน ถ้าพรรคประชาชนเลือกแคนดิเดตพรรคเพื่อไทย นโยบายของพวกเราชัดเจนคือไม่เอาพรรคเพื่อไทย เช่นนั้นเบื้องต้นคือเจอกันวันที่ 6 กันยายน ที่อนุสาวรีย์ชัย
ถ้าพรรคประชาชนไม่เลือกใคร ก็เท่ากับเลือกพรรคเพื่อไทย ปัญหาของชาติบ้านเมืองก็ไม่จบ วันนี้มีคนถามว่ารู้สึกยังไงที่เห็นนายภูมิธรรมและพวกไปเจรจาจีบพรรคประชาชน ก็เลยบอกว่าพวกความจำเสื่อมมาเจอกัน เคยฉีก MOU ทรยศหักหลัง ยอมสะบัดสัตย์กับประชาชนข้ามพวก แต่วันนี้บอกว่าขอให้ลืมอดีต นี่คือสภาพการเมืองไทยที่มันตกต่ำที่สุด
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 2 ปีใช้นายก 2 คน โดนไปด้วยเรื่องมาตรฐานจริยธรรมทั้งคู่ แล้วยังจะเอาคนที่ 3 ขึ้นมา ซึ่งเราจะปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไปไม่ได้เพราะสถานการณ์ระหว่างไทยกัมพูชามันจะไม่มีวันจบลง ถ้าเราไม่ได้รัฐบาลที่เป็นเนื้อเดียวกับกองทัพ และต้องเป็นเนื้อเดียวกับประชาชนด้วย เพราะถ้ารัฐบาลเป็นคนละเนื้อกับกองทัพสงครามไม่มีวันจบ
วันนี้ทหารบอกว่ารักสงบรบไม่ขาด แต่ภายใต้รัฐบาลที่มีคนและมีผลประโยชน์ทับซ้อนฝั่งกัมพูชานั้น รบไปก็ไม่ขาดมีแต่ทหารไทยขาขาด แล้วจะอยู่อย่างนี้ตลอดไป ถ้ายังได้รัฐบาลที่ทำแบบนี้อยู่ในเรื่องผลประโยชน์
หลายคนถามว่าอิ๊งค์ไปแล้วทำไมยังไม่หยุด ถ้าเราหยุด ก็ได้ชัยเกษม สภาพบ้านเมืองที่ผ่านมานั้นในตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี เกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองบ้าง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราต้องแลกกับขบวนการยุติธรรมทั้งปวงไม่ติดคุกแม้แต่เพียงวันเดียว ตนบอกหลายครั้งว่าประเทศนี้เราเป็นหนี้อะไรกับตระกูลชินวัตรนักหนา ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมามีนายกจากตระกูลนี้ 3 คน เราเป็นหนี้อะไรกับคนตระกูลนี้ ขอเรียนกับพี่น้องว่าพอกันเสียทีกับภายใต้ตระกูลชินวัตร
ทั้งนี้ ต้องหยุดกันที่ต้นทาง คือหยุดพรรคเพื่อไทย ต้องขุดรากถอนโคนระบอบชินวัตร ระบอบทักษิณให้พ้นไปจากประเทศไทย ตนไม่เคยปฏิเสธว่าเคยอยู่ด้วยกัน ซึ่งเคยสร้างกันมายังไง ก็จะทำร้ายไปอย่างนั้น มันไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ของเรา แต่ประเทศไทยจะทนให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นต่อไปอีกไม่ได้"
"เราไม่ได้ไปเลือกว่าเขาต้องเป็นใคร แต่ต้องไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทยและต้องขึ้นอยู่ภายใต้เงื่อนไขของประชาชน พร้อมขอท้านายภูมิธรรม ว่าถ้าแน่จริงยุบสภาเลย ฉะนั้นจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด" จตุพร กล่าว.