“ราเมศ” ชี้ นายกฯ รักษาการ ยุบสภาไม่ได้ เพราะอำนาจต้องมาจากนายกฯ ที่ได้รับมติเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ย้ำพรรคหนุนใครขึ้นเป็นนายกฯ ใหม่ กก.บห.-สส. ต้องมีมติร่วม ปัดกลุ่ม “ชวน” หนุน “อนุทิน” เพราะยังไม่ได้คุยกับใคร


วันที่ 30 สิงหาคม 2568 นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันว่า มีการถกเถียงถึงอำนาจรักษาการนายกรัฐมนตรีสามารถยุบสภาได้หรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่า รักษาการนายกรัฐมนตรีไม่สามารถยุบสภาได้ เพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ แยกการอำนาจถ่วงดุลของฝ่ายบริหาร นายกรัฐมนตรีที่มีต่อฝ่ายนิติบัญัติคือสภาผู้แทนราษฎรนั้น อำนาจต้องเป็นของนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมติเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร คนที่รักษาการแทนนายกรัฐมนตรีไม่ได้มาจากสภาผู้แทนราษฎร ถือได้ว่าเป็นคนนอก ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีตัวจริง ไม่ได้มีนิติสัมพันธ์ใดๆ กับฝ่ายนิติบัญญัติ ฉะนั้นจะใช้อำนาจในการยุบสภาไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นตามรัฐธรรมนูญจึงต้องการมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่


“ส่วนที่มีข่าวอ้างว่า มีสส.กลุ่มนายชวน หลีกภัย 4 คน ไปสนับสนุนกลุ่มนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกฯ นั้น ยืนยันนายชวน ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับใคร เพราะอยู่ระหว่างการเดินทางไปประเทศนิวซีแลนด์ และในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ตนในฐานะสมาชิกพรรค ต้องย้ำว่า เมื่อมีระบบของพรรคอยู่ ผู้บริหารพรรคและ สส.พรรคปัจจุบันก็มีอำนาจในการตัดสินใจ คงไม่ไปก้าวล่วง เพราะท้ายที่สุดความรับผิดชอบจะอยู่ที่ผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบัน และไม่มีใครคนใดคนหนึ่งสามารถตัดสินใจได้คนเดียว การเลือกนายกรัฐมนตรีก็มีหลักในการพิจารณาที่กรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคกับ สส.พรรคจะต้องตัดสินใจร่วมกันตามข้อบังคับพรรค สำหรับกรณีชื่อของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรค ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรค ปชป. ด้วยความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ทางการเมืองถือว่ามีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี และเชื่อว่านำพาประเทศได้ดีไม่แพ้บุคคลอื่นๆ เช่นกัน” นายราเมศ กล่าว

...