รัฐบาลสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัดเหตุการณ์ปกติ ขอบคุณคณะผู้สังเกตการณ์ลงพื้นที่ช่องอานม้า ย้ำ บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เป็นของไทย เตือนกัมพูชาอย่าใช้ประชาชนของตนเองเป็นโล่มนุษย์
วันที่ 20 สิงหาคม 2568 เมื่อเวลา 07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด เหตุการณ์ปกติ กองทัพไทยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และยังคงตรึงกำลังตามแนวที่มั่นทั้ง 11 จุด เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและป้องกันไม่ให้ใครล่วงล้ำ
ขณะที่ในเวลา 09.30 น. ศบ.ทก. จะมีการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 29/2568 ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามสถานการณ์และผลการประชุม RBC ไทย-กัมพูชา
“รัฐบาลขอขอบคุณคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) จาก 8 ประเทศสมาชิกอาเซียน รวม 14 นาย นำโดย พล.ต.ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย พร้อมสื่อมวลชน ที่ลงพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ตรวจสอบกรณีกัมพูชารุกเข้ามาตัดลวดหนาม อันเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและทำลายความไว้วางใจระหว่างสองประเทศ”
บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ของไทย กัมพูชาเจตนารุกล้ำ
ขณะเดียวกัน นายจิรายุ ยังเปิดเผยกรณีพื้นที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเดิมเคยใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราว ที่ไทยให้ชาวกัมพูชาที่หนีภัยจากการสู้รบในอดีตเข้ามาใช้พื้นที่บนแผ่นดินไทย และเวลาต่อมากัมพูชากลับขยายชุมชน รุกล้ำแผ่นดินของประเทศไทยที่เคยให้การช่วยเหลือเป็นศูนย์อพยพเมื่อครั้งสงคราม ที่คนกัมพูชาฆ่ากันเอง ถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 อย่างชัดเจน และฝ่ายไทยได้คัดค้านและประท้วงการกระทำดังกล่าวอย่างต่อเนื่องตลอดมา โดยรัฐบาลได้ยืนยันในประเด็นสำคัญ ดังนี้
...
1. ตลอดหลาย 10 ปี ที่ผ่านมา ประเทศไทยแสดงถึงเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการปฏิบัติตนเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร และพร้อมหารือข้อขัดแย้งผ่านกลไกทวิภาคีที่เหมาะสม เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชากลับใช้ประชาชนของตนเป็นกำแพงมนุษย์ เข้ามารุกล้ำในเขตแดนไทยอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดในชายแดน
2. ประเทศไทยให้ความช่วยเหลือในอดีตที่ผ่านมาในเรื่องของมนุษยธรรมในการให้พื้นที่หลบภัยสงคราม กับประชาชนชาวกัมพูชาหลายแสนคน แต่กลับบิดเบือนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของไทยที่หยิบยื่นให้ กลับนำความช่วยเหลือนี้ไปบุกรุกพื้นที่อธิปไตยของไทย สะท้อนถึงการขาดความจริงใจ เห็นถึงเจตนาร้ายในการรุกล้ำพื้นที่ของประเทศไทยอย่างชัดเจน
3. การติดตั้งแนวเขตลวดหนามบริเวณเขตแดนของไทยเป็นสิทธิในการดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตย คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนไทย และป้องกันไม่ให้มีการรุกล้ำเพิ่มเติมเข้ามาอีก รวมถึงการลักลอบวางกับระเบิดจากฝ่ายกัมพูชาอีก
ทั้งนี้ การดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะละเว้นการสร้างหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกนอกเขตของทั้งสองประเทศ ซึ่งบริเวณดังกล่าวตามหลักเขตเป็นของประเทศไทย 100%
“รัฐบาลไทยยังคงมุ่งมั่นปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน พร้อมรักษาหลักมนุษยธรรม และพร้อมหารือข้อพิพาทผ่านช่องทางทางการทูตและกลไกที่มีอยู่ แต่จะไม่ยอมรับการรุกล้ำใดๆ ที่เป็นการละเมิดกฎหมายและหลักการระหว่างประเทศทุกประการ”