สดับตรับฟังความเห็นของคอการเมืองคนสำคัญอย่าง อาจารย์ สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง และ สุรนันท์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกฯ ผู้คลุกวงในอยู่กับพรรคเพื่อไทยมานาน ต่อสถานการณ์ของนายกฯ แพทองธาร ที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะนัดอ่านคำวินิจฉัยคำร้อง ขอให้ถอดถอนเธอออกจากตำแหน่งนายกฯ ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ว่าจะรอดหรือไม่รอดแล้ว น่าสนใจอย่างมาก
จึงไม่อยากปล่อยผ่านไปเฉยๆ โดยไม่นำมาเล่า หรือ มาเรียบเรียงให้อ่านกันสนุกๆ หรือเก็บไว้ใช้เป็นข้อคิดข้อถกเถียงในวงสนทนาการเมืองของประเทศยามนี้ กับคำถามว่า นายกฯ แพทองธาร จะรอดหรือไม่? อาจารย์สุขุมให้ความเห็นว่ารอด และจะเป็นนายกฯ ต่อไป…
ความเห็นนี้ เกิดขึ้นเพราะมีศาล ซึ่งหมายถึงมีตัวบทกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ในข้อเท็จจริงไม่มีประเด็นใดที่แสดงให้เห็นว่าเธอทำผิดกฎหมาย โทรศัพท์ก็เป็นของส่วนตัว ไม่ได้เจรจากันในแบบการทูต และไม่ได้ปรากฏหลังจากนั้นว่ามีการเสียดินแดน หรือยกดินแดนของไทยไปให้เขมร
ใครจะบอกว่า คลิปเสียงที่คุยกับ อังเคิล ฮุน เป็นจุดเริ่มต้นของข้อพิพาทชายแดน ก็ต้องบอกว่าดูสถานการณ์แล้ว อย่างไรเสียข้อพิพาทก็ต้องเกิดขึ้น
ซึ่งถ้าพิจารณากันในทางการเมือง ผมเห็นว่าไม่รอด เพราะเสียหายมาก เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าควรลาออกไปตั้งแต่ต้น ความเห็นนี้หมายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นควรเป็นความรับผิดชอบในทางการเมือง
ขณะที่ สุรนันท์ เห็นว่ารอดยาก แต่ก็เห็นด้วยว่าในทางการเมืองไม่รอด และถ้าศาลตัดสินให้รอดจากคดี อย่างไรเสียในทางการเมืองก็ไม่รอด
นอกจากความชอบธรรมในตัวคุณแพทองธารจะไม่เพิ่มขึ้นแล้ว ความเชื่อมั่นยังอาจลดลง อาจจะกระทบความรู้สึกของผู้คนต่อศาลด้วยซ้ำ อันนี้ไม่ได้ไปละเมิดอำนาจศาล หรือบิดเบือนให้เกิดสิ่งใดนะ
...
เมื่อดูวรรคตอนในคำร้องที่ว่า ผู้ถูกร้องไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์เนี่ย เห็นด้วยว่ารอด เพราะคุณแพทองธารยอมรับแต่ต้นว่าเป็นเสียงตัวเอง และไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่วรรคสองที่บอกว่าฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรอย่างร้ายแรง...ตรงนี้พูดกันตรงๆ มันเป็นไปได้ทั้งสองทาง
สรุปก็คือ ในทางการเมืองไม่รอด ในทางกฎหมายก็ควรจะเป็นเช่นนั้น สำหรับความเห็นผม...สุรนันท์ ตอกย้ำ
“แพทองธาร” ไม่ชิงลาออก
ยุบสภา ดีกว่ายกเก้าอี้ให้ใคร
การอนุญาตให้ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)เข้าร่วมในการชี้แจงวันที่ 21 ส.ค.ด้วย อาจจะมีคำถามว่าเรื่องนี้กระทบต่อความมั่นคงของประเทศไหม...ก็อยู่ที่ท่านเลขาฯ จะตอบอย่างไร?
ถ้าไม่กระทบ คุณแพทองธารก็ยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่ถ้าคำตอบออกมาเป็นกลางๆ หรือแบ่งรับแบ่งสู้เหมือนกรณีชั้น 14 เธอก็อาจไม่รอด...สุรนันท์ คิดเช่นนั้น
ผู้ดำเนินรายการ Thailand at Risk หยอดคำถามต่อว่า แล้วคิดว่านายกฯ แพทองธารจะลาออกก่อนไหม?
อาจารย์สุขุม ตอบทันทีว่าไม่ เพราะจะได้พูดกับสาธารณะได้ว่าถูกรังแกอีกแล้ว ถ้าลาออกควรจะลาออกไปนานแล้ว ความจริงคือควรลาออกตั้งแต่ถูกแขวน และเมื่อถูกแขวนแล้วก็ควรจะลาออกทันที แต่นี่ไม่ แสดงว่า สู้ตาย!
สุรนันท์ เห็นด้วยว่า เธอสู้ และจะไม่ชิงลาออกก่อนแน่ ถึงวันที่ศาลนัดไปชี้แจงแล้ว ถ้าลาออกก็ต้องถือว่ายอมแพ้...จึงต้องสู้จนถึงที่สุด ในกรณีที่ศาลพิจารณาไม่เป็นคุณ ก็อาจจะบอกว่าถูกรังแก แต่ถ้าเป็นคุณ ก็ถือว่า เดินหน้าต่อไป อันนี้ก็เป็นเรื่องความชอบธรรมที่เราพูดกันไปแล้ว
“ผมก็เห็นด้วยว่า ควรลาออกนานแล้ว เพราะคุณแพทองธารยังอายุน้อย และมีธุรกิจต้องทำ ถ้าคำวินิจฉัยไม่เป็นคุณ ก็จะทำอะไรไม่ได้เลย เหมือนอดีตนายกฯ เศรษฐาที่ยังกลับไปเป็นกรรมการบริษัทตัวเองไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของธรรมาภิบาลในตลาดหลักทรัพย์”
สุรนันท์ ยืนยันว่าพ่อลูกคู่นี้เป็นนักต่อสู้ เมื่อสู้แล้วก็จะสู้ไม่ถอย ส่วนจะล้มลุกคลุกคลาน หรือถลอกปอกเปิกอย่างไร ไปดูกันในวันที่ 29 ส.ค.นี้ ก็แล้วกัน…
ทีนี้ ถ้ารอด และไปต่อ หน้าตารัฐบาลก็จะเหมือนเดิม ครม.ชุดเดิม ปัญหาชายแดนไทย-เขมร เหมือนเดิม เศรษฐกิจในประเทศก็แก้ปัญหากันไปเช่นเดิมหรือ?
อาจมีการปรับครม.อีกครั้ง อาจารย์สุขุม ให้ความเห็น เหมือนๆ กับที่คุณทักษิณชอบที่ปรับครม.ทุก 6 เดือน...คนที่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นก็ยังไปเข้าแถวต่อคิวกันอยู่เลย...สทร.ไปที่ไหนก็จะเห็นว่าตามกันไปเป็นพรวน
ส่วนสุรนันท์ที่เห็นว่าไม่รอด เชื่อว่า...คุณทักษิณจะไม่ปล่อยมือเรื่องนายกฯ แน่ ว่าแต่จะเป็น ชัยเกษม นิติสิริ หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องมีการต่อรอง แต่ก่อนอื่นคุณแพทองธารต้องออกมากอบกู้ความเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะผลโพลต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
การกอบกู้ความชอบธรรม มี 2 อย่างคือ 1.พิสูจน์ตัวเอง 2.ลาออกไป แล้วโยนเรื่องกลับไปให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ทำหน้าที่ต่อ
การที่คุณแพทองธารลาออก คุณทักษิณยังมีแรงพอที่จะกำหนดเกม เพราะคุณทักษิณยังต้องรอลุ้นคดีวันที่ 9 ก.ย.ถ้าคำตัดสินไม่เป็นคุณ คุณทักษิณจะเสียเครดิตไปอีกเยอะ ดังนั้น การบริหารการเมืองจะต้องเกิดขึ้นก่อน ซึ่งก็แน่นอนว่าทุกอย่างจะบีบเข้าหากันในเดือนนี้เดือนหน้า
เรื่องหนึ่งที่ต้องคิดตามไปด้วยคือ ถ้าตำแหน่งนายกฯ หลุด ยังมีตำแหน่งรมว.กระทรวงวัฒนธรรมอีก จึงยืนยันตอนนี้ได้ว่า ไม่ลาออกแน่
ชัยเกษม อนุทิน หรือ ลุงตู่
ถ้าข้ามไปคนที่ไม่ใช่ “ชินวัตร”
ถามว่านายกฯ คนต่อไปจะเป็นใคร ชัยเกษม อนุทิน หรือ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องไม่ลืมว่า เวลานี้พรรคภูมิใจไทยมีอำนาจต่อรองมาก เพราะคนในพรรคเพื่อไทย หรือพรรคอื่นๆ ก็ต้องมองไปว่า เต็ง 1 คือ คุณอนุทิน
ฉะนั้นพวกบ้านใหญ่ก็อาจต้องหันมามองสายสีน้ำเงิน ส่วนพวกที่แดงจัดๆ คงจะไปทางส้ม ในพรรคเพื่อไทยจึงอาจเกิดความปั่นป่วน คุณทักษิณก็ต้องรีบรวบรัดเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาในยามที่พรรคแกนนำจะล่ม จะต้องมีอีกพรรครีบแสดงตนจัดตั้งรัฐบาล
เหมือนวันที่อดีตนายกฯ เศรษฐาถูกวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่งนายกฯ คุณทักษิณจึงต้องรีบตัดสินใจเรียกประชุมกันที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเลย จะได้รับรู้ว่าตัวเองมีเสียงในมือเท่าใด
รอบนี้ก็เช่นกัน คุณทักษิณก็ต้องสู้อีก และจะปล่อยให้อำนาจไปอยู่ในมือพรรคภูมิใจไทยที่ตัวเองถล่มไว้ก่อนหน้า ไม่ได้...สุรนันท์ย้ำ จะให้อำนาจไปอยู่ในมือเขาก่อนเลือกตั้งใหม่นี่ ยากส์
อย่างดีที่สุด ถ้าคุณแพทองธารกลับมาเป็นนายกฯ ต่อไป แต่ถ้าดูแล้วความชอบธรรมมันไปไม่รอด ก็ยุบสภา ไปสู้กันในสนามเลือกตั้ง!
อาจารย์สุขุมเชื่อเช่นกันว่า คุณ สทร.ยอมให้ยุบสภาดีกว่า เป็นไปตามที่คุณทักษิณเคยพูด นั่นก็บอกอนาคตไว้แล้วว่าการเมืองจะเป็นอย่างไรต่อไป...ต้องไม่ลืมเหมือนกันนะว่ายุบสภาตอนนี้ดีกว่าช่วงเดือนก่อนหน้า
เพราะวันนี้ได้สร้างรอยด่างไว้ให้ภูมิใจไทยได้แล้ว ส่วนพรรคส้มก็ไม่น่ากลัวสักเท่าไหร่แล้ว เพราะรัศมีทหาร “ดับ” สีส้มเสียแล้ว...โดยไม่ทันรู้ตัว
ตอนนี้ที่ 1 เนี่ย ร้อยเสียงอาจเป็นเพื่อไทยก็ได้ หนนี้อาจเป็น ร้อย ร้อย ร้อย ก็ได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อน ต่ำร้อย ร้อย หรือร้อยห้าสิบ ฯลฯ
คุณทักษิณมีสิทธิกำหนดเกมการการเมืองได้ด้วยความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเกมการเลือกตั้ง หรือเลือกนายกฯ คนใหม่ แต่ต้องเป็น สทร.เท่านั้นที่จะกำหนด แต่ก็ต้องไม่ลืมด้วยว่าเมื่อกระแสหมด กระสุนต้องเข้ามามีบทบาท
เมื่อถูกถามว่า มีคนเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ กันมาก สุรนันท์จึงเสนอแนวคิดใหม่ว่า...ถ้าจะข้ามลำดับแคนดิเดตกันจริงๆ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ ยังมี คุณพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค ซึ่งเห็นว่ากำลังได้ใจ สทร.พอสมควร เดี๋ยวนี้ขึ้นมานั่งข้างๆ เลย เพราะไม่ได้ทิ้งรัฐบาลไปไหน…
และถ้าดูท่าทีแล้ว ชัยเกษมไปไม่ไหว...คุณทักษิณอาจเห็นว่า ดิวกับนักการเมืองง่ายกว่า! ที่สำคัญ คุณพีระพันธ์ุ ยังเป็นตัว compromise ของกลุ่มอนุรักษ์ด้วย
เวลานี้ เพื่อไทยบอบช้ำมากแล้ว ถ้ามีนายกฯ คนที่ 3 จากเพื่อไทยมาอีก คงบอบช้ำหนักกว่านี้ เพื่อไทยจึงควรอยู่นิ่งๆ ให้ใครเป็นนายกฯ สักคน แต่ไม่ใช่คุณอนุทิน
สุรนันท์ ย้ำอีกครั้งว่า หวยจึงน่าจะไปออกที่ คุณพีระพันธ์ุ และผมเห็นว่าไม่น่าจะไปถึงท่านองคมนตรี...ท่านเองก็คงไม่อยากจะลงมา”
ไม่เอามาตรา 5...ไม่ดึงฟ้าต่ำ!
ตอกฝาโลง ทำให้ประเทศถอยหลัง
สำหรับสมการที่ถูกเสนอโดยพรรคส้ม และกลุ่มอนุรักษ์เสนอให้มีนายกฯ มาตรา 5 จะเป็นไปได้หรือไม่ เพียงใด
สุรนันท์ให้ความเห็นว่า คุณอนุทินในฐานะนักการเมือง คงอยากได้เสียงจากเพื่อไทยในการสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ไม่ใช่จากพรรคส้มซึ่งมีเงื่อนไขว่าต้องทำเรื่องต่างๆ ให้เขาอยู่หลายข้อ
สงสัยอยู่ว่า เวลาไปหาเสียงจะพูดอย่างไร ตอนแรกบอกไม่เอาเขาเพราะมีม.112 ตอนนี้กลับมาบอก จะเอา…
อาจารย์สุขุม เห็นด้วยกับข้อเสนอนายกฯ คนใหม่ของสุรนันท์ว่าน่านำไปขบคิดว่ายังมีคนอื่นอีก ส่วนเงื่อนไขของพรรคส้มเป็นเรื่องของอุดมคติที่ยากจะปฏิบัติได้ ข้อเสนอของเขาให้คุณเป็นนายกฯ ก็จริง แต่คุณต้องอยู่ในการกำกับของเขา เป็นเรื่องที่รับได้ยาก…
นี่แสดงให้เห็นว่า คุณแค่อยากเป็นนายกฯ แต่ไม่ได้แสดงว่าคุณจะสร้างผลงานอะไรบ้างเพื่อเอาไปเลือกตั้งวันหน้า...ขึ้นมาเป็นนายกฯ ทั้งที ไม่ได้ช่วยพรรคตัว แต่กลับไปช่วยให้พรรคส้มให้ดีขึ้นอย่างนั้นหรือ?
ส่วนเรื่องที่หยิบยกขึ้นมาพูดกันมากว่าจะผ่าทางตันทางการเมืองด้วยการเสนอให้ใช้มาตรา 5 หรือ นายกฯพระราชทานน่ะ คอการเมืองทั้งสอง มีความเห็นตรงกันว่า ควรเลิกพูดเรื่องนี้เสียที “ผมไม่อยากใช้คำด่ารุนแรง” อาจารย์สุขุมบอก ปล่อยให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าตามกลไกการเมืองดีกว่า
เห็นกันมาแล้วว่า ที่ผ่านมาจะไปคุยกับประเทศไหนๆ ก็ลำบาก ไม่มีใครยอมรับผู้นำที่ลอยมา ขนาดฮุนเซนเป็นเผด็จการ ยังต้องทำทีขออนุมัติจากรัฐสภาเลย...สุรนันท์ ตอกตะปูปิดฝาโลง
ทั้งคู่ต่างก็เชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่ ไม่อยากให้การเมืองไทยกลับไปในทิศทางเดิมๆ อีก ด้วยการยกข้ออ้างว่า การเมืองถึงทางตัน!
“ประเทศไทยก็ไม่ได้เป็นรัฐล้มเหลว เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่แข็งแรง มีสถาบันทหารที่แข็งแกร่ง มีข้าราชการประจำที่ยังดีอยู่ ก็มีแต่นักการเมืองเท่านั้นที่ล้มเหลว...อย่าดึงฟ้าต่ำ อย่าเอาพระองค์เข้ามาเกี่ยวข้องดีกว่า”
ต้นฉบับวันนี้ อาจจะลากยาวไปหน่อย แต่ก็หวังว่า ผู้สนใจเรื่องการบ้านการเมือง จะอ่านจนครบถ้วนกระบวนความ เพื่อให้ได้ข้อคิดดีๆ และคำวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมา เป็นข้อมูล และประโยชน์ต่อการคิดอย่างเป็นระบบ
โดยไม่เอากระแส หรือความเชื่อส่วนตัวที่ไม่ใช้ความจริงเข้ามาเสริมแต่ง