พรรคประชาชน น้อมรับข้อท้วงติง “สส.นนท์” อภิปรายงบประมาณสำนักพุทธฯ กระเทือนความรู้สึกต่อความเชื่อ พร้อมยกการอภิปราย “สส.ฉัตร” ชูหลักการสำคัญ บัญชีวัดต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ ป้องกันการทุจริต


เมื่อเวลา 17.51 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2568 พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สืบเนื่องจากการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดย สส.พรรคประชาชน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งปรากฏข้อความบางช่วงที่อาจกระทบกระเทือนความรู้สึกต่อความเชื่อและสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของผู้คน พรรคประชาชนขอน้อมรับข้อท้วงติง โดย สส.ผู้อภิปราย (นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี) ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษประชาชนสำหรับข้อความดังกล่าวแล้ว

พรรคประชาชน ระบุต่อไปว่า หลักการสำคัญที่พรรคยึดถือต่อการใช้งบประมาณของสำนักพุทธฯ คือการปรับปรุงระเบียบและแนวทางให้การเงินของวัดโปร่งใสเพื่อป้องกันการทุจริต ปกป้องเงินบริจาค และรักษาศรัทธาอันดีของศาสนิกชน รวมถึงการตรวจสอบงบประมาณของทุกหน่วยงานว่าถูกจัดลำดับความสำคัญและจัดสรรอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง โดยหนึ่งในผู้อภิปรายคือ นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ สส.นครราชสีมา เขต 1 พรรคประชาชน ได้อภิปรายถึงงบประมาณของสำนักพุทธฯ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ในตอนหนึ่งว่า

งบประมาณการบูรณะวัดทั่วประเทศปีนี้ (ปี 2569) พศ. ขอมาจำนวน 709 ล้านบาท 546 รายการ นายฉัตร ให้ข้อเสนอแนะว่าในอดีตเคยเกิดคดีเงินทอนวัด หรือการทุจริตเงินอุดหนุนที่รัฐจัดสรรให้แก่วัด การใช้งบฯ ส่วนนี้จึงต้องมีความระมัดระวังและรัดกุมรอบคอบขึ้น ควรหาแนวทางกระจายงบประมาณให้ทั่วถึงกว่านี้ ไม่กระจุกตัวอยู่ที่วัดใดวัดหนึ่งหรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งเป็นพิเศษ ในระยะยาวภาครัฐควรเป็นเพียงฝ่ายสนับสนุนและส่งเสริมคณะสงฆ์ให้สามารถบริหารจัดการการบูรณะวัดได้ด้วยตนเอง จะทำให้เกิดความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากกว่า

...

ส่วนงบฯ ส่งเสริมการปฏิบัติงานของพระวินยาธิการ หรือพระมือปราบ ที่ต้องตระเวนไปทุกจังหวัดทั่วประเทศเพื่อกำกับดูแลพระสงฆ์และสะสางอธิกรณ์ที่ไม่เหมาะสมต่างๆ ปีนี้ได้รับงบ 3.62 ล้านบาท นายฉัตร เสนอแนะว่าควรมีการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อให้การทำงานของพระวินยาธิการมีประสิทธิภาพมากขึ้น ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เมื่อมีการร้องเรียนต้องดำเนินการรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการทุจริตภายในวัดหรือการใช้จ่ายเงินผิดวัตถุประสงค์

ขณะที่งบฯ พระสังฆาธิการ ซึ่งเป็นเงินที่ถวายเป็นรายเดือนให้แก่พระสังฆาธิการ โดยเจตนาแล้วเป็นการถวายภัตตาหารให้กับพระสังฆาธิการ พระสมณศักดิ์ และพระเปรียญ 9 ประโยค ต่อมาเปลี่ยนเป็นการถวายค่านิตยภัตประจำเดือน เป็นธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติกันต่อเนื่องมายาวนาน จึงขอตั้งข้อสังเกตเพื่อให้ สส. และสังคมร่วมกันศึกษาและทำความเข้าใจว่าสัดส่วนที่เหมาะสมของงบประมาณส่วนนี้ควรเป็นอย่างไร หากจะมีข้อสรุปอย่างไรต้องมีการศึกษาพูดคุยกันอย่างกว้างขวางเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันในสังคม

ทั้งนี้ จากกรณีการทุจริตเงินบริจาควัดที่ปรากฏเป็นข่าวแพร่หลายในช่วง 1-3 เดือนที่ผ่านมา นายฉัตร ยังได้เสนอให้ พศ. ปรับปรุงระเบียบและกำหนดแนวทางเพื่อป้องกันการทุจริต และปกป้องเงินบริจาคของพุทธศาสนิกชน ได้แก่

1. ปรับปรุงระเบียบของสำนักพุทธฯ เรื่องการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้อิงกับมาตรฐานการบัญชี โดยต้องสำแดงบัญชีธนาคารของวัดทุกบัญชี และนำส่งรายงานบัญชีตามรอบเวลาที่กำหนด

2. กำหนดให้มีการเปิดเผยข้อมูลรายรับ-รายจ่ายของวัดต่อสาธารณชนอย่างสม่ำเสมอ สามารถตรวจสอบและเข้าถึงข้อมูลได้

3. ส่งเสริมช่องทางการบริจาคผ่านระบบออนไลน์ (e-Donation) ของธนาคารพาณิชย์ โดยร่วมมือกับกรมสรรพากร

4. เมื่อมีการร้องเรียน ต้องมีกลไกดำเนินการตรวจสอบที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะหากเป็นคดีทุจริตควรนำหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาร่วมตรวจสอบด้วย

5. สำนักพุทธฯ ควรถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในคดีทุจริต นอกจากการดำเนินการทางสงฆ์แล้ว ควรพิจารณาลงโทษผู้กระทำความผิดตามกฎหมายด้วย