“รัชนก” เสนอตัดงบเคหะ 300 ล้านบาท เหตุประเคนให้เอกชนฟันกำไร เตรียมร้อง ป.ป.ช. ทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อนักการเมืองทำประโยชน์จากสมบัติชาติ


วันที่ 15 สิงหาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี2569 วาระที่ 2 มาตรา 29 นางสาวรัชนก สุขประเสริฐ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน อภิปรายถึงกรณีการบริหารโครงการอาคารเช่าของการเคหะแห่งชาติ ทั้ง 52 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งอาคารเช่าเหล่านี้ เดิมมีวัตถุประสงค์สร้างเพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้เช่าอยู่อาศัยในราคายุติธรรม

แฉชนะประมูลราคาต่างกันแค่ 5 บาท

น.ส.รัชนก เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวแทนที่จะถูกบริหารโดยรัฐเพื่อดูแลประชาชน กลับมีการทำ TOR เปิดให้เอกชนเช่าเหมาบริหารทั้งหมด ซึ่งใน 52 โครงการนี้ มีบริษัทเอกชนเพียง 11 ราย ที่คว้างานไปได้ โดยแต่ละโครงการชนะการประมูลกันในราคาเพียง 5 บาท 10 บาทเท่านั้น พร้อมเปิดเอกสารประกอบระหว่างการอภิปราย

แขวะเอกชน สบ๊าย สบาย

โดยระบุว่า เอกชนที่ได้สิทธิ ไม่ต้องลงทุนก่อสร้างหรือซ่อมแซมอาคาร แต่เก็บค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลาง จากประชาชนเต็มเม็ดเต็มหน่วย “เรียกได้ว่า รับไปเก็บตังค์อย่างเดียว สบ๊าย สบาย” โดยหนึ่งในบริษัทที่ได้สิทธิ คือ “บริษัท เอ็ม แอสเสท จำกัด” ซึ่งชาวบ้านร้องเรียนว่าค่าบริการต่าง ๆ แพงเกินควร และยังพบว่าบริษัทดังกล่าวกลับเป็นครอบครัวอดีตนักการเมืองชื่อดัง นามสกุล “สุวรรณบุตร”


“ถึงเวลาจัดงานในพื้นที่ ทั้งรองผู้ว่า ผู้ช่วยผู้ว่า เดินตามกันจนงงว่า ยังกินเงินเดือนจากภาษีพี่น้องประชาชนรึเปล่า ซึ่งก็ได้ถ่ายคลิป อัดเสียงไว้หมดแล้ว เดี๋ยวจะส่งให้ผู้ว่าการเคหะแห่งชาติและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมพิจารณาแล้วกัน ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ไม่อยากเอามาเปิดให้เสียเวลาพิจารณางบประมาณ แต่เรื่องนี้การเคหะแห่งชาติเสียหาย รัฐเสียหาย พี่น้องประชาชนเสียผลประโยชน์” น.ส.รักชนก กล่าวและว่า

...

ใช้เงินแผ่นดินซ่อมแซม

สิ่งที่รับไม่ได้มากที่สุด คือ เมื่ออาคารเช่าเสื่อมสภาพ การเคหะแห่งชาติก็ใช้งบประมาณแผ่นดินไปซ่อมแทนเอกชนทุกปี เช่น 

ปี 2567 ของบไปซ่อม 76 ล้านบาท 

ปี 2568 ของบไปซ่อม 153 ล้าน 

ปี2569 ของบไปซ่อมอีก 303 ล้าน 

“นี่คืองบอุ้มเอกชนเต็ม ๆ รับงานไปขูดรีดประชาชน แถมให้รัฐซ่อมให้แบบพร้อมเสิร์ฟ เพื่อนสมาชิกในสภาแห่งนี้จะยอมให้ผ่านงบประมาณแบบนี้ไปจริง ๆ หรือ น.ส.รัชนกกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบซ่อมแซมอาคารเช่าในส่วนนี้ทั้งหมดออก เนื่องจากเป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างบิดเบือนและซ้ำเติมภาษีของประชาชน

จ่อนำหลักฐานยื่นป.ป.ช.

น.ส.รักชนก ยังระบุด้วยว่า จะรวบรวมข้อมูล เอกสาร และหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำ TOR และการให้สิทธิบริหารโครงการอาคารเช่าของการเคหะแห่งชาติแก่เอกชน เพื่อนำไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบในประเด็น “ทุจริตเชิงนโยบาย” เนื่องจากเห็นว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนักการเมืองและเครือข่ายธุรกิจครอบครัวอย่างชัดเจน อันเป็นการนำทรัพย์สินและงบประมาณของรัฐ ซึ่งควรเป็นสมบัติของประชาชน ไปใช้สร้างกำไรแก่กลุ่มบุคคลบางกลุ่ม

ขอตรวจสอบจนกว่าจะได้คำตอบ

น.ส.รักชนก ยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงการบริหารงานผิดพลาด แต่เป็นโครงสร้างการจัดการที่บิดเบือนเจตนารมณ์ของโครงการและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อภาครัฐ พร้อมยืนยันว่าจะติดตามผลการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด หากพบความผิดพลาดหรือพิรุธเพิ่มเติม จะดำเนินการทางกฎหมายและใช้เวทีสภาเพื่อตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนเพื่อคืนความเป็นธรรมให้ประชาชน