ประธานอนุกรรมาธิการสุขภาพจิต สภาฯ เรียกร้องกองทัพใส่ใจภาวะจิตใจของกำลังพลในพื้นที่ชายแดนอย่างเป็นระบบ ชี้กองทัพไม่ควรชี้แจงแค่ทหารส่วนน้อย เพราะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตกำลังพลในระยะยาว


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 15 ส.ค. 2568 ที่รัฐสภา น.ส.สิริภัส กองตระการ สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการปรับปรุงระบบบริการสุขภาพจิตของประชาชนในทุกช่วงวัย สภาผู้แทนราษฎร แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียและผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีพลทหารก่อเหตุยิง 2 พลเรือนจนได้รับบาดเจ็บและยิงตัวเองเสียชีวิต โดยระบุว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนปัญหาสุขภาพจิตในกลุ่มทหารชัดเจน โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน หรือพื้นที่มีความตึงเครียดสูง ทำให้เกิดภาวะเครียดสะสมในกำลังพล การสูญเสียชีวิต ทั้งของพลทหารและพลเรือนบาดเจ็บเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการดูแลสุขภาพจิตของกำลังพลอย่างเป็นระบบ แม้ปัจจุบันจะมีทีมแพทย์และทีมสนับสนุน เช่น ทีม MCAT (Mental Health Crisis Assessment and Treatment) ลงพื้นที่ดูแลกลุ่มเสี่ยงทั้งทหารและประชาชน แต่เมื่อเทียบกับความต้องการและจำนวนบุคลากรที่มีอยู่ในพื้นที่จริงแล้ว ยังไม่เพียงพอและไม่ครอบคลุมเพียงพอที่จะรองรับความต้องการทั้งหมด

ย้ำผลกระทบทหารระยะยาว

“อีกปัจจัยสำคัญคือ ทหารที่อยู่ในภาวะเครียดสูงอาจไม่เลือกที่จะปรึกษาแพทย์หรือพยาบาล แม้จะมีบุคลากรทางการแพทย์ประจำอยู่ในพื้นที่ เพราะขาดความไว้วางใจ หรือรู้สึกไม่ปลอดภัยในการเปิดเผยความรู้สึกของตน ซึ่งการประเมินสุขภาพจิตไม่สามารถดูได้จากภายนอก แต่ต้องอาศัยการพูดคุย การติดตามจากผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานอย่างใกล้ชิด แม้ว่ากองทัพจะออกมาชี้แจงว่า มีทหารเพียง “ส่วนน้อย” แต่ตนเห็นว่าปัญหานี้ไม่ควรถูกลดทอนความสำคัญลง และไม่ควรแก้ไขเพียงชั่วคราวเฉพาะหน้าหลังเกิดเหตุเท่านั้น เพราะมีผลกระทบส่งผลระยะยาวต่อคุณภาพชีวิตของกำลังพล 

...

ทั้งนี้อนุกรรมาธิการฯ จะพิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน และจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อยกระดับมาตรการด้านสุขภาพจิตในกลุ่มทหารอย่างจริงจังเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้กลายเป็นเรื่องปกติในสังคมไทย