“รักชนก” จัดหนัก งบบูรณาการต่อต้านคอร์รัปชัน วัดผลไม่ได้ แถมบางพรรคยังใช้เครือข่ายอาสา ของบฯ หวังผลทางการเมือง ตอกกลับแรง ประชาชนไม่ได้โง่ ยันไม่เห็นด้วย เอาเงินแผ่นดินไปบรรลุวัตถุประสงค์ให้รัฐมนตรีเจ้าของกระทรวง
วันที่ 13 ส.ค. 2568 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในวาระ 2 และวาระ 3 นางสาวรักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า ดัชนีการรับรู้คอร์รัปชัน ซึ่งนายกฯ เคยแถลงไว้ และประเทศเราให้ความสำคัญกับการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน โดยมีงบบูรณาการส่วนนี้เกือบพันล้านบาท แต่งบประมาณส่วนใหญ่ เป็นงบที่ใช้ในการอบรม และต้องมีงบวัดผลด้วย พร้อมถามว่า การอบรม และการวัดผลแบบเดิม ๆ ทำให้ภาพลักษณ์เรื่องคอร์รัปชัน และการปราบปรามดีขึ้นหรือไม่ แต่เราก็เห็นว่าไม่ดีขึ้นเลย จึงขอให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกแผนบูรณาการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งยุทธศาสตร์ชาติ ก็เขียนไว้ว่าต้องมีแผนการวัดผลในเรื่องนี้ซึ่งต้องไปแก้ในรัฐธรรมนูญด้วยแต่ตอนนี้อยากให้ตัดงบในส่วนนี้ก่อน และตั้งระบบในการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสเข้ามา
สิ่งที่อยากแนะนำที่ทำให้ภาพลักษณ์เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันดีขึ้น 3 เรื่อง คือ กรมบัญชีกลางควรเปิดให้นำข้อมูลด้านการจัดซื้อจัดจ้างไปวิเคราะห์ได้แล้ว ซึ่งทางภาคประชาชนต้องไปเขียนโปรแกรมดึงข้อมูลออกมาเอง โดยการเขียนโปรแกรมนี้ก็ทำให้ระบบท่านรวน ดังนั้น ก็เปิดไปเลยให้ได้ใช้ และนำข้อมูลไปวิเคราะห์ เพื่อมาช่วยดูว่าโครงการไหนส่อทุจริต หรือส่อประพฤติมิชอบ
ส่วนสำนักงานป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่องบัญชีทรัพย์สินทุกวันนี้ยังเปิดแค่ 90 วันอยู่ ก็ไม่อยากถามว่า ป.ป.ช. เป็นอะไร ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลทำได้ หากไม่เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินให้ดูได้ง่าย ๆ ก็บอกไปเลยว่าปีหน้างบประมาณที่ตั้งมาจะตัดอะไร ก็ขู่กันบ้าง จะได้ทำงานร่วมกันได้ และเอกสารในกรรมาธิการที่พิจารณา ตนเองไม่เห็นว่ามีอันไหนที่น่าปกปิด จึงเสนอไปว่ากรรมาธิการควรเปิดเผยเอกสารที่ไม่ได้ตีลับในกรรมาธิการออกไป ประชาชนใครที่อยากมาดูก็เอาไปพิจารณากันได้ประชาชนจะได้รู้สึกว่าได้มีส่วนร่วมในการดูข้อมูลในงบประมาณ และเรื่องการถ่ายทอดสดที่มีการอ้างแต่เอาง่าย ๆ ว่าคือท่านไม่เอา ท่านก็ไม่อยากให้ถ่ายทอดสดด้วยเหตุผลร้อยแปดประการ แต่ในเมื่อนายกรัฐมนตรีแถลงเอาไว้ว่าอยากให้ภาพลักษณ์การทุจริตคอร์รัปชันดีขึ้น ตัวเลขเพิ่ม แม้ว่านายกฯ ใกล้จะหลุดในเร็ววันนี้ แต่ตัวเองเชื่อว่านายกฯ คนถัดไปก็ต้องมาแถลงอยู่ดี
...
เรื่องธรรมาภิบาล ข้อมูลที่กฎหมายมีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 พ.ร.บ. รัฐบาลดิจิทัลออกกฎหมายลูกปี 2564 แต่ปีนี้ 2568 มี 300 หน่วยงานที่ต้องธรรมาภิบาลข้อมูล ตอนนี้ทำเสร็จแค่ครึ่งเดียว ซึ่งธรรมาภิบาลข้อมูล คือการกำหนดว่าหน่วยงานต้องทำข้อมูลอะไรบ้าง และใครสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้บ้าง เมื่อไม่ทำประชาชนก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าต้องขอข้อมูลอะไรบ้าง ยกตัวอย่างประกันสังคม เรื่องนี้ควรทำให้เสร็จอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยในเรื่องของการทำข้อมูลภาครัฐให้โปร่งใส
เรื่องอาสาอย่างกระทรวงสาธารณสุขมี อสม. อสส. ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าขณะนี้หลายพรรคการเมืองพยายามเข้าไปใช้เครือข่ายอาสาต่าง ๆ ในการทำเพื่อหวังผลทางการเมือง เชื่อว่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนไม่ได้โง่ เขาดูออกว่านักการเมืองใช้เครื่องมือเหล่านี้ ที่จริง ๆ แล้วเป็นงบประมาณจากภาครัฐในการทำอะไร ซึ่งเมื่อใช้เครือข่ายอาสาในการทำปฏิบัติการบางอย่างสำเร็จลุล่วงไป เมื่อกระทรวงเห็น ก็เอาบ้าง ตนเองเป็นกรรมาธิการมา 2 ปี โดยก่อนหน้ามีอาสาพัฒนาสังคม ซึ่งมีเกือบทุกกรม โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรสหกรณ์ที่มีเกือบทุกกรม เพราะหลายคนคงเห็นแล้วว่าการมีอาสา เมื่อเข้าไปเป็นรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงสามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง ตนเองอยากให้รัฐบาลพิจารณารวบรวมอาสา มิเช่นนั้น ในอนาคตทุกกระทรวงจะมีอาสาหมดเลย และกลายเป็นภาระกับงบประมาณ ซึ่งสิ้นเปลืองงบประมาณซ้ำซ้อน วัดผลอะไรไม่ได้ และเหมือนเป็นแขนเป็นขาให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงได้ไปทำปฏิบัติการอะไรบางอย่าง
“ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการนำงบประมาณแผ่นดินไปทำเพื่อให้มันบรรลุวัตถุประสงค์ของบางพรรคการเมืองที่เป็นรัฐมนตรีของเจ้ากระทรวงนั้น ๆ ซึ่งก็ไม่อยากให้ทำ และอยากให้รัฐบาลจริงจังกับเรื่องนี้สักที เราจะได้ไม่ต้องสูญเสียงบประมาณไปกับการสิ้นเปลืองในการทำอะไรเหล่านี้ อยากให้มองถึงภาพใหญ่และงบประมาณโดยรวมที่เราควรจะใช้ให้มันถูกต้องถูกจุด ซึ่งทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเราควรจัดสรรไปในเรื่องที่เร่งด่วนจำเป็น” นางสาวรักชนก กล่าวทิ้งท้าย