สภาฯ ถกงงประมาณ 2569 วาระ 2 ลงมติรายมาตรา สส.ประชาชนอัดจัดงบฯ ไม่รองรับวิกฤติเศรษฐกิจ ทำโครงการสะเปะสะปะซ้ำซ้อน “ไอซ์ รักชนก” ซัดทุเรศ ใช้งบอาสาสนองการเมือง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 สิงหาคม 2568 การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ ซึ่งมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระ 2-3 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว
ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระประชุม ประธานสภาฯ ได้แจ้งให้ทราบถึงพระบรมราชโองการแต่งตั้ง นายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 จากนั้นจึงเริ่มอภิปรายงบประมาณรายจ่ายปี 2569 โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 ชี้แจงว่า กมธ. ปรับลดงบประมาณ 8,920 ล้านบาท พิจารณาจากความสอดคล้องของสถานการณ์ปัจจุบัน ความคุ้มค่า และศักยภาพการใช้จ่ายงบประมาณ นำไปปรับเพิ่มให้หน่วยงานต่างๆ จำนวน 8.9 พันล้านบาท อาทิ งบกลาง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การปรับลดและเพิ่มงบ กมธ. ให้ความสำคัญกับความพร้อม ศักยภาพหน่วยงาน และภารกิจสนับสนุนกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ และผลประโยชน์ประชาชน โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
...
จากนั้น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายมาตรา 4 วงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2569 จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ว่า ขอตัดลดงบประมาณปี 2569 เพิ่มอีก 5 หมื่นล้านบาท เพราะจีดีพีปี 2569 โตแค่ 1.9% ทำให้การจัดเก็บรายได้ลดลง คาดว่าการจัดเก็บรายได้พลาดเป้าเกือบ 6.4 หมื่นล้านบาท ทั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีสรรพากร ขณะที่รายจ่ายประเทศที่เจอกับภาวะความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก แต่กลับไม่ได้เตรียมการงบประมาณรองรับ ทำให้ไม่มีงบพยุงหรือฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส่วนหนี้สาธารณะก็ใกล้ชนเพดาน สิ้นปีงบประมาณ 2568 ขึ้นไป 66% และปี 2569 จะขึ้นไป 69% ใกล้ชนเพดาน 70% เต็มที จำเป็นต้องประหยัดงบประมาณรายจ่ายปี 2569 แต่ กมธ. ปรับลดงบได้แค่ 8.9 พันล้านบาท เหมือนไม่รู้สึกว่ามีวิกฤติเศรษฐกิจรออยู่ การจัดงบฯ ไม่ตอบโจทย์สงครามการค้า จำเป็นต้องตัดงบฯ ลงเพื่อประหยัดไว้ใช้เมื่อยามเกิดวิกฤติจริง
ทางด้าน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า การจัดทำงบประมาณปี 2569 มีความซ้ำซ้อน 3 ด้าน คือ 1. แยกกันทำ มีโครงการที่เป็นการคาบเกี่ยวกับภารกิจของหลายหน่วยงาน แต่หน่วยงานต่างๆ เลือกที่จะต่างคนต่างทำมากกว่าร่วมกันทำ 2. แย่งกันทำ มีความซ้ำซ้อนในภารกิจของแต่ละหน่วยงานอย่างชัดเจน 3. ย้ายออกไปทำ หลายหน่วยงานถูกตั้งขึ้นมาด้วยภารกิจที่เสี่ยงซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว หากมีการศึกษาพิจารณา ควบรวมหน่วยงานอย่างจริงจัง จะทำให้โครงการมีความสะเปะสะปะน้อยลง ถ้ายังไม่ลดความซับซ้อนการจัดทำงบประมาณที่แทรกอยู่ทุกหน่วยราชการ จะไม่เหลืองบประมาณแก้ปัญหาให้ประชาชน
ขณะที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายต่อมา ถึงงบประมาณอาสาสมัครของแต่ละกระทรวงที่หลายพรรคการเมืองพยายามเข้าไปใช้เครือข่ายอาสาต่างๆ เพื่อหวังผลทางการเมือง ว่า ประชาชนไม่โง่ ดูออกว่านักการเมืองใช้เครื่องมือเหล่านี้ทำอะไร การใช้ อสม. ปฏิบัติการบางอย่างจนสำเร็จลุล่วง ทำให้กระทรวงอื่นทำตาม เช่น อาสากระทรวงพัฒนาสังคมฯ อาสากระทรวงดิจิทัล อาสากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอาสากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเกือบทุกกรม
ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลรวบรวมอาสามาไว้ด้วยกัน ให้งบประมาณแค่กระทรวงเดียว ถ้าให้ทุกกระทรวงมีอาสาหมดจะเป็นภาระงบประมาณ อสม. ในหลายพื้นที่เป็นทุกอาสา เช่น อาสาพัฒนาสังคม อาสาดิจิทัล อาสาเกษตร คนเดียวดำรงตำแหน่งเยอะมาก ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณซ้ำซ้อน ถูกใช้เป็นแขนขาให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงไปทำปฏิบัติการอะไรบางอย่าง ไม่เห็นด้วยการเอางบแผ่นดินไปทำเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของบางพรรคการเมืองที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงนั้นๆ มันทุเรศ ไม่อยากให้ทำ เข้าใจว่าอาสาได้ประโยชน์เม็ดเงินตรงนี้ แต่ควรใช้เงินให้ถูกจุด.
(ภาพ : ธนัท ชยพัทธฤทธี)