คะแนนความนิยมของทหารวิ่งฉิวขึ้นสู่ทำเนียบหัวใจคนไทยเป็นอันดับ 1 อีกครั้ง สวนทางกับคะแนนความนิยมของรัฐบาล และพรรคการเมือง ที่ร่วงผล็อยลงสุดติ่ง หลังกองทัพไทยเปิดปฏิบัติการเอาคืนกองทัพกัมพูชาในการยิงอาวุธหนักข้ามแดนเข้ามาถล่มชุมชนเมืองในเขตแดนของประเทศไทย
ดูจากผลสำรวจความไว้วางใจของผู้คนล่าสุดโดย “นิด้าโพล” พบว่า 75.73% ให้ใจทหารไปเต็มๆ ตรงกันข้ามกับรัฐบาลที่มีผู้ขอใจคืน และยังก้ำๆ กึ่งๆ อีก สิริรวม 54.58% กับ 29.01% ตามลำดับ
ทีนี้ถ้าลองตรวจสอบสภาพการณ์แวดล้อมทั่วไปของประเทศไทยยามนี้ ก็จะพบว่ามีคนจำนวนมากอยากเปลี่ยนรัฐบาล ไม่อยากให้สองพ่อลูกตระกูลชินวัตร รวมทั้ง “V…” หมายเลขต่างๆ กลับมามีอำนาจในรัฐบาลอีก
แต่ปัญหาคือ จะเปลี่ยนอย่างไรไม่ให้กระทบกระดานการเมืองโดยรวม ไม่ว่าจะเป็น ยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ไปจนถึงขั้นที่มีการพูดถึงกันมากว่า จะกวักมือเรียกทหารกลับมาปฏิวัติใหม่...โอ แม่เจ้า!
จากไทม์ไลน์ของเดือนส.ค. เดือน 8 ของปี 68 ซึ่งมีกำหนดนัดของศาลอาญาและศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยความผิดของสองพ่อลูกตระกูลชินวัตร โดยศาลนัดตัดสินในเดือนนี้ทั้งในวันที่ 22 ส.ค. ในคดีความผิดตาม ม.112 ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร
รวมถึงคำร้องถอดถอน น.ส.แพทองธาร ออกจากการเป็นนายกฯ กรณีคลิปเสียงการคุยกันกับ Uncle Hun หลุด จนนำไปสู่ช่องโหว่ใหญ่ให้สองพ่อลูกตระกูลฮุน ทั้ง ฮุนเซน และ ฮุน มาเนต ใช้เป็นข้ออ้างยิงอาวุธหนักเข้ามายังพื้นที่ชายแดนไทย กลายเป็นเรื่องลุกลามบานปลายถึงขั้นให้มหาอำนาจฉวยโอกาสยื่นมือเข้ามาเป็นกรรมการห้ามมวย
20 ส.ค.จะได้นายกฯ คนใหม่หรือไม่
“แพทองธาร” ไป “ชัยเกษม” มา?!
...
โดยปกติ ศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมกันทุกวันพุธ ดังนั้น กำหนดการที่เคยคำนวนคร่าวๆ ว่าจะอ่านคำวินิจฉัยกันวันที่ 22, 26 หรือ 27 ส.ค.น่ะ เอาจริงๆ ศาลรัฐธรรมนูญน่าจะนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 20 ส.ค.นี้ ภายใต้ความคาดเดาของหลายฝ่ายที่เหมือนจะนัดกันมาว่า น.ส.แพทองธาร น่าจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แน่ๆ
ถ้าจะให้พูดกันตามความเป็นจริง โดยไม่ต้องคิดถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ น.ส.แพทองธาร ก็ควรจะยุติบทบาท และหน้าที่ของเธอได้แล้ว
ที่ผ่านมา เราให้สิทธิแก่เธอในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองอันดับสองที่สามารถรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้มากที่สุด ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ด้วยสติปัญญา ความสามารถ และประสบการณ์ เธอไม่มีความพร้อมเลยในทุกด้าน แต่ก็โทษเธอไม่ได้ เพราะมันเป็นโชคชะตาที่ผลักดันให้เธอต้องขึ้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เคยคิด หรือเตรียมตัวมาก่อน
กลับเข้าประเด็นกระดานการเมืองกัน เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล ก็ต้องเลือกนายกฯ คนใหม่จากบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 3 คนสุดท้ายของพรรคซึ่งหมายถึง ชัยเกษม นิติสิริ
ชัยเกษม เดินเข้าสู่เส้นทางการเมืองหลังอดีตนายกฯ ทักษิณ ถูกปฏิวัติในปี 49 ในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งเป็น อัยการสูงสุด เขาได้ออกมาชี้แจงว่า ไม่สามารถออกหมายจับอดีตนายกฯ ทักษิณให้กลับมารับโทษในประเทศได้ ทั้งยังมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีที่อดีตนายกฯ ทักษิณถูกกล่าวหาสองสามคดี ซึ่งในภายหลัง แต่ละคดีมีการพิสูจน์ชัดว่า เขาไม่มีความผิด
ปัจจุบัน ชัยเกษม มีอายุ 77 ปี ยังคงมีชื่อเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ แพทองธารอยู่ แต่ว่าที่นายกฯ คนที่ 32 นี้ ยังไม่สามารถทำให้คนในพรรคเพื่อไทย และยุทธจักรการเมือง เชื่อมั่นได้ว่าเขาจะทำหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ ได้ เนื่องจากเขาเคยมีอาการบาดเจ็บจากการป่วยเป็นสโตรก เส้นเลือดในสมองตีบ และมีอาการ on /off บ่อยๆ จึงมีผู้ตั้งคำถามตลอดว่า เขาจะไหวหรือ?
อย่างไรก็ตาม ชัยเกษม ซึ่งระยะหลังๆ มักจะออกรอบ ตีกอล์ฟกับพรรคพวกบ่อยๆ ให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหาสโตรก หรือก้อนเลือดใหญ่ และเล็กที่ท้ายทอยของเขาได้สลายไปแล้ว จึงกลับมาใช้ชีวิตปกติ และตีกอล์ฟได้เหมือนเดิม
ส่วนจะให้เขามาเป็นนายกรัฐมนตรีน่ะ ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้คนอื่นเป็น แต่ถ้าจำ เป็นต้องทำเพื่อชาติ ก็ไม่มีปัญหา
เลือกนายกฯ ใหม่ต้องได้เสียงกึ่งหนึ่ง
โหวตไม่ผ่าน สภาผู้แทนฯต้องตัดสิน
ยังมีปัญหาอีกเรื่องที่ใหญ่กว่า ปัญหาสุขภาพของ ชัยเกษม นั่นก็คือ พรรคร่วมรัฐบาลซึ่งมีเสียงปริ่มน้ำอยู่ 255 เสียง จะรวบรวมสมัครพรรคพวกมาลงคะแนนให้ได้กึ่งหนึ่ง หรือ 248 เสียงของสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 494 เสียง ได้หรือไม่?
ใครก็ตามที่ให้สัญญา(มานาน)ว่า รัฐบาลจะมีเสียงจากพรรคร่วมถึง 271 เสียง จนป่านนี้ก็ยังจับตั้งเสียงที่ว่านี้ไม่ได้ว่ามีจริงหรือไม่ เพราะยามที่จำเป็นต้องใช้เสียงลงมติรับร่างกฏหมายต่างๆ กลับหาคนยกมือโหวตให้ไม่ได้ ผลจึงทำให้กฎหมายสำคัญๆ หลายฉบับมีอันต้องตกไป หรือต้องเลื่อนการประชุมไปก่อน เพราะสภาล่ม สส.ไม่ครบองค์ประชุม
เอาเถอะ นั่นเป็นปัญหาของรัฐบาล แต่เมื่อใดสภาผู้แทนฯ หาผู้เป็นนายกฯ คนใหม่ไม่ได้ เพราะเสียงของสองฝ่ายไม่พอ จึงมีผู้เสนอให้ใช้มาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญปี 60 ที่มอบหมายให้สภาผู้แทนฯ ประชุมกัน เพื่อหาทางออกว่า จะยุบสภา หรือ จะให้มีนายกฯ เสียงข้างน้อย หรือ…
ประเด็นนี้เคยเขียนไว้แล้วว่า นอกจาก กูรูคนสำคัญด้านกฎหมายซึ่งเคยร่วมกันเป็นนักกฎหมายให้รัฐบาล ตลอดจนถึงเคยร่างรัฐธรรมนูญด้วยกัน จะมีความเห็นในทำนองเดียวกับ ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร จากคณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ ที่เคยให้ความเห็นว่า…
ถ้าการเมืองถึงทางตัน ต้องมีนายกฯ รักษาการ แต่นายกฯ รักษาการ ไม่มีอำนาจยุบสภา ขณะที่สภาผู้แทนฯ ประชุมเพื่อหานายกฯ ใหม่ไม่ได้ เพราะไม่มีใครได้เสียงเกินครึ่งสภา รัฐธรรมนูญก็มีมาตรา 5 เป็นทางออกไว้ 2 กรณีคือ ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ หรือ ยอมให้มีนายกฯ เสียงข้างน้อย ส่วนใครจะเป็นคนตัดสิน...ก็ต้องเป็นสภาผู้แทนฯ นั่นแหละ
ลงมติกันอย่างไร ให้ประธานสภานำความขึ้นกราบบังคมทูลตามเจตนารมณ์ของเสียงข้างมากของ สส. ซึ่งก็คือตัวแทนเสียงข้างมากของประชาชน…
ไม่ใช่เป็นการคืนพระราชอำนาจ แต่เป็นการขอให้พระองค์ใช้พระราชอำนาจตามเจตจำนงค์ของสภาผู้แทนราษฎร ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน และพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนั้นแทนปวงชน ซึ่งก็เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
อย่างที่เคยเขียนอีกนั่นแหละว่า ตามบัญชีรายชื่อแคนดิเดตเหลือใครบ้างที่มีสิทธิลุ้นเสนอชื่อชิงตำแหน่งนายกฯ ต่อจาก ชัยเกษม นิติสิริ ก็คือ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ถัดมาคือ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกฯ ตามด้วยหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคให้ลุงตู่ และคนสุดท้ายคือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จาก พรรคประชาธิปัตย์
ในบรรดาคนเหล่านี้ ผู้ที่ได้รับการโหยหาให้เป็นนายกฯ ด้วยคะแนนโพลสูงสุดก็คือ ลุงตู่ ตามด้วย ชัยเกษม และ อนุทิน
ชัยเกษม ไม่มีคดีอะไรติดตัว แต่ อนุทิน ถูกร้องเรียนอยู่หลายเรื่องตั้งแต่เรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันการเลือกตั้ง สว. ไปจนถึงการครอบครองที่ดินรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ
ส่วน ลุงตู่ แม้กลุ่มอนุรักษ์จะเรียกร้องให้คืนสังเวียน แต่ลุงก็มีประเด็นมากมายที่ต้องรับผิดชอบ หากกลับมาเล่นการเมืองอีก เช่น การที่ปล่อยให้กัมพูชารุกล้ำอธิปไตยเข้ามาตั้งรกรากตลอดแนวชายแดนไทย นั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องให้คำตอบกับสังคมว่า ให้เข้ามาได้อย่างไรในช่วงระหว่างที่ “ 3 ป.” เรืองอำนาจอยู่ในกองทัพ
นอกจากแคนดิเดต 3 คนนี้ รัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้ “คนนอก” เข้ามาเป็นนายกฯ ได้หรือไม่ กำลังมีการถกเถียงกันอยู่ ได้ความอย่างไร จะกลับมารายงานให้พ่อแม่พี่น้องทราบต่อไป
ก่อนจบ อยากทิ้งคำถามไว้ให้คิดกันล่วงหน้าว่า ถ้ายุบสภาวันนี้ หรือ ภายในเดือนต.ค. (ตามไทม์ไลน์ที่ร่ายยาวมาแต่ต้น)
ยังไม่นับเรื่องการตัดสินคดี ฮั้ว สว. ของพรรคภูมิใจไทย, ข้อกล่าวหาล้มล้างการปกครองจากการเสนอขอแก้ไขมาตรา 112 ของ 25 สส.พรรคประชน (อดีตพรรคก้าวไกล)...
ผู้อ่านคิดว่า มีโอกาสจะเกิดพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาเป็นตัวเลือกในการเลือกตั้งครั้งนี้ไหม และ พรรคใดจะมีคะแนนนำ...อันดับ 1... 2... 3
สำคัญคือ ใครจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่?!