“เปรมศักดิ์” ฉะ “สว.ตัวตึง” ขวางคำร้องถอดถอน 136 สว. แฉ “ขาใหญ่” ใช้วิชามาร ข่มขู่-กดดัน  ให้ถอนชื่อ


วันที่ 8 สิงหาคม 2568 นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้รับแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ในฐานะเป็นผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อ สว. เพื่อยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภาเพื่อขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของ สว. ทั้ง 136 คน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (7) ประกอบมาตรา 113 และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ สว. ทั้ง 136 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หรือให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะส่วนเกี่ยวกับการให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย จากกรณีคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลางชุดที่ 26 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้สรุปสำนวนเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา อาจเข้าข่ายขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 โดยนาวาตรีวุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ และ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ได้ยื่นเรื่องในช่วงที่ตนเดินทางมาดูงานที่ประเทศมาเลเซียกับ ป.ป.ช. ระหว่างวันที่ 5-8 สิงหาคม จึงไม่ได้ร่วมยื่นคำร้องด้วย แต่ได้ประสานเพื่อน สว. เข้าชื่อครบแล้ว 21 คน คือครบ 1 ใน 10 ของ สว. ทั้งหมด แต่ตนได้รับแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาภายหลังว่า ต้องระงับคำร้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพราะรายชื่อ สว. ไม่ครบ 1 ใน 10 เพราะมี สว. ที่ลงชื่อแล้วมาถอนชื่อในภายหลัง ซึ่งการถอนชื่อครั้งนี้มีเบื้องหลังแน่นอน แม้จะอ้างเหตุผลอะไรก็ตาม

แฉ “ขาใหญ่” ใช้วิชามาร ข่มขู่

“ทั้งนี้ ผมรับทราบจากเพื่อน สว. หลายคนที่ร่วมลงชื่อในกลุ่ม สว. อิสระว่า มีความพยายามจาก สว. ที่ถูกร้องเรียนได้โทรมาล็อบบี้ให้ถอนชื่อ เพื่อให้จำนวนผู้ลงชื่อไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ โดยอ้างเชิงข่มขู่ว่า หากไม่ยอมถอนชื่อออก จะถูกฟ้องกลับถูกดำเนินคดี จะทำให้เสียประวัติถูกบันทึกเป็นคดีความภายหลัง สว. บางรายที่เข้าชื่อถอดถอนถูกฝ่ายตรงข้ามร้องเรียนให้กรรมการจริยธรรม สว. ตรวจสอบในเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล พอจะไปชี้แจง กลับถูกปฏิเสธไม่ให้นำพยานหลักฐานเข้าชี้แจงอย่างไม่เป็นธรรม เสมือนเป็นการสร้างประเด็นให้หวาดกลัว หวั่นเกรงต่างๆ หวังให้ต้องยอมไปถอนชื่อออกเท่านั้น มีการทำทุกวิถีทางเพื่อให้ สว. ถอนชื่อ ” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวและว่า

...

ไม่ถอนชื่อ จ่อขุดคุ้ยเรื่องในอดีต

ก่อนหน้านี้ก็กดดันสร้างความลังเลให้ผู้ที่ยังไม่ลงชื่อไม่กล้าร่วมลงชื่อ ใครลงชื่อแล้วก็กดดันให้ถอนชื่ออีก ผมถือว่าเป็นวิชามารทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ เพื่อล้มคำร้องไม่ให้ครบตามจำนวน 20 รายชื่อและตกไปโดยอัตโนมัติ บางคนถึงขั้นโทรมาหาผม บอกว่า เขาถูกขู่ว่า ถ้าไม่ถอนชื่อจะมีของตามมา มีทั้งเรื่องในอดีตและเรื่องส่วนตัว ถูกขุดขึ้นมาคุกคาม สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การเมืองแบบมีวุฒิภาวะ แต่คือการใช้อำนาจในเงามืด เพื่อกดขี่คนที่ยืนอยู่กับประชาชน แบบนี้ยังจะเรียกว่าการเมืองในระบบได้อีกหรือ ในวุฒิสภาจะมี สว. ที่ทำตัวเป็นขาใหญ่ใช้วิชามารทั้งกดดันในทางลับและทางแจ้ง มีขาใหญ่ในกลุ่มไลน์กลางห้อง สว. ซึ่งเป็นช่องทางติดตามข่าวสารหลักของ สว. ทุกคน ใช้การก่อกวนด้วยข้อความ เสียดสี เย้ยหยัน และข่มขู่ในกลุ่มไลน์ บางคนโพสต์รูป ข้อความ เสียดสีแซะไม่หยุดวันละหลายครั้ง ใครไม่ถอนชื่อก็โดนกดดันอย่างหนัก ขู่ว่าจะมีคดีความตามมา คนที่ทนไม่ไหวก็ต้องถอย นี่มันคือการกดขี่เสียงข้างน้อยอย่างเลือดเย็น ชี้วัดว่า มีแผนการล็อบบี้ไว้ล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เรื่องเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ

ย้อนถามปธ.วุฒิสภา “สองมาตรฐาน”

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องสองมาตรฐานในการพิจารณาคำร้องว่า คำร้องของ สว. สีน้ำเงินที่ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ถูกประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้ศาลในวันเดียวกันอย่างรวดเร็ว แต่พอเป็นคำร้องของ สว. กลุ่มอิสระให้ดำเนินการกับ สว. 136 คนกลับถูกตรวจสอบอย่างยืดยาด ล่าช้า จนเปิดช่องให้การล็อบบี้อย่างเต็มที่กระทั่งมีการถอนรายชื่อออก การเลือกปฏิบัติเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ทำลายความเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา แต่ยังส่งสัญญาณอันตรายว่า ผู้มีอำนาจกำลังใช้กลไกในรัฐสภาเพื่อสกัดเสียงตรวจสอบ สว. กลุ่มอิสระแค่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ยื่นคำร้องขอความชัดเจนจากศาล แต่วิธีที่พวกตนถูกจัดการ สะท้อนว่า ฝ่ายเสียงข้างมากในวุฒิสภาบางกลุ่ม ไม่เคารพกระบวนการประชาธิปไตยใดๆ เลย 

ลั่นพร้อมหา สว.ทดแทน

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การที่รายชื่อ สว. ไม่ครบ 20 คน ไม่ใช่ความผิดพลาดตามธรรมชาติ แต่เป็นการใช้วิชามารที่ชัดเจนในการจัดการกับ สว. เสียงข้างน้อย เพื่อให้คำร้องตกไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ สว. อิสระก็ใช้สิทธิอย่างถูกกฎหมายเช่นเดียวกับ สว. สีน้ำเงิน แต่เราจะไม่หยุดที่จะสู้ต่อ แม้ว่าจะมีการถอนชื่อและกดดันอย่างหนัก พวกเราพร้อมที่จะหาสว.มาทดแทนเพื่อให้เรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญโดยสมบูรณ์และได้รับการวินิจฉัยอย่างเป็นธรรม เพื่ออนาคตของการเมืองที่โปร่งใส และยึดมั่นในหลักนิติธรรมอย่างแท้จริง เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของ 136 สว. แต่เป็นเรื่องของระบบรัฐสภาไทยทั้งระบบ ถ้าเสียงข้างน้อยไม่มีที่ยืน วันหนึ่งประเทศนี้จะไม่มีที่ยืนสำหรับประชาชนเช่นกัน