“พล.อ.ณัฐพล” รมช.กลาโหม ชี้ ถกวงกองเลขาฯ GBC น่าพอใจ กัมพูชายอมรับข้อเสนอไทย แม้อ้างไม่เต็มใจก็ยึดตามเอกสาร ขอดูผลคุยระดับ รมต.กลาโหม 7 ส.ค. ย้ำมุ่งข้อตกลงหยุดยิง ลั่น MOU 43 มีประโยชน์


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 6 สิงหาคม 2568 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษชุดเล็ก ถึงความคืบหน้าผลการประชุมกองเลขานุการ คณะกรรมการเขตแดนทั่วไป (GBC) ว่า เบื้องต้นเรียบร้อย ข้อเสนอที่ได้มีการเสนอไปมีการเห็นชอบร่วมกัน แต่ในรายละเอียดได้ขอให้เขามาชี้แจงที่ประชุม สมช. ว่าตรงกับที่ สมช. อนุมัติไปหรือไม่ ขอดูรายละเอียดอีกนิด

ผู้สื่อข่าวถามต่อ กัมพูชายอมรับข้อเสนอที่เราเสนอไปทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า “ใช่” เมื่อถามอีกว่าที่ผ่านมามีข้อตกลงหยุดยิง แต่ก็ยังมีสถานการณ์อยู่บ้างจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ก็ต้องกำกับกันต่อไป จริงๆ เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะส่วนตัวเห็นว่าทางกัมพูชามีความจริงใจที่จะหยุดยิง จากการบรรลุข้อตกลงในระดับกองเลขานุการ

ทั้งนี้ ตนแบ่งไว้ 3 ระดับ ระดับกองเลขาฯ ถือว่าจริงใจระดับที่ 1 ซึ่งก็ผ่านแล้ว และในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่จะมีการประชุม รมว.กลาโหม ของทั้ง 2 ประเทศ ก็จะวัดความจริงใจระดับที่ 2 ถ้าเป็นไปตามนี้ ไทยและกัมพูชาก็ผ่านความจริงใจไป 2 ระดับ เหลือแต่ระดับ 3 ว่าเมื่อปฏิบัติจริงเขาทำตามหรือไม่ พร้อมกล่าวต่อไปว่า โดยปกติเวลาประชุมกองเลขานุการของ GBC ฝ่ายกัมพูชามักจะรอข้อเสนอจากฝ่ายเรา และจะให้ข้อพิจารณาในการแลกเปลี่ยนมา ซึ่ง 3 วันที่ผ่านมาได้รับข้อสรุปที่น่าพอใจ และตนขอดูในวันที่ 7 สิงหาคมอีกครั้งหนึ่ง

...

ส่วนคำถามว่าข้อเสนอที่ยื่นไปมีเงื่อนเวลาหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล เผยว่า ก็เรื่องระยะเวลา แต่ขอดูรายละเอียดก่อนว่าการประชุมในวันนี้ (6 สิงหาคม) เป็นอย่างไร ขอให้ทุกคนสบายใจได้ เรายึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก คำนึงถึงอธิปไตย และอยากเน้นย้ำว่าการประชุม GBC ที่มี รมว.กลาโหมทั้ง 2 ประเทศเป็นประธาน กรอบการพิจารณาส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่ด้านความมั่นคงในเรื่องการหยุดยิง และยังมีงานอีกหลายอย่าง ทั้งการเรียกร้องค่าเสียหายของพลเรือน หรือเรื่องต่างๆ รวมถึงกรณีเขตแดนที่เรายังไม่พูดถึง แต่จะรอให้เข้าคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (GBC) ทั้งนี้ ขั้นตอนต่างๆ ต้องรอบคอบ หน่วยงานต่างๆ ต้องพิจารณา

พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อไปว่า เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ในที่ประชุม ครม. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการแล้วว่าให้เลขาธิการ สมช. เป็นประธานการประชุมพิจารณาแบ่งมอบงานเรียบร้อย เพื่อให้ประชาชนสบายใจว่าเรื่องไหนใครเป็นคนทำ โดยในส่วนศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) มุ่งที่ปัญหาเฉพาะหน้า

ทางด้านคำถามถึงเงื่อนไขที่เสนอซึ่งทางกัมพูชาจะต้องขอนำกลับไปทบทวนเป็นเรื่องอะไรบ้าง พล.อ.ณัฐพล ตอบว่า ยังไม่ทราบ ยังไม่ได้พูดคุย ขอรอฟังในที่ประชุมวันนี้ทีเดียวเพื่อจะได้ข้อสรุป ผู้สื่อข่าวถามต่อ หากประชุม GBC เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปในการพูดคุยกับคณะกรรมการอื่นๆ จะง่ายขึ้นหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล บอกว่าน่าจะง่ายขึ้น และยังมีกลไกที่เกี่ยวข้อง คือคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ที่เป็นระดับล่างลงไป ซึ่งในที่ประชุม GBC ในเรื่องการหยุดยิง และรายละเอียดการปรับกำลัง การวางกำลัง จะให้ RBC เป็นผู้กำหนด แต่ GBC จะตีกรอบไว้ให้ ส่วนอีกกลไกหนึ่งคือ JBC ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาบ่ายเบี่ยงมาตลอด เป็นการพูดคุยทวิภาคีเรื่องเขตแดน เพราะทางกัมพูชาไม่ยอมรับเรื่องนี้ อยากให้นำขึ้นศาลโลก ซึ่งเรากำลังพูดคุยกันอยู่

ในประเด็นว่าหากกัมพูชาต้องการขึ้นศาลโลก ทำไมไทยจึงไม่ยกเลิก MOU 2543 พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า MOU 43 ยังมีประโยชน์ เพราะปัจจุบันที่เรากล่าวหากัมพูชากับนานาประเทศได้ เพราะเขาผิด MOU 43 หากไม่มี MOU 43 ก็ไม่มีกติกาอ้างอิงที่จะไปกล่าวหาเขาได้ ได้แค่กล่าวหา แต่ไม่มีกรอบที่จะอ้าง

กังวลหรือไม่ว่าการหารือในวันพรุ่งนี้จะไม่จบ เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมาคณะพูดคุยยังคงต้องโทรศัพท์กลับมาเพื่อขอการตัดสินใจที่กรุงพนมเปญ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า “ตอนแรกก็รู้สึกกังวล แต่เมื่อฝ่ายเลขานุการยืนยันก่อนเดินทางกลับว่าทุกอย่างเรียบร้อย ก็คลายความกังวล แต่ท้ายที่สุดต้องรอฟังรายละเอียด ไม่อยากฟังทางโทรศัพท์ สู้ฟังทีเดียวเลยดีกว่า”

ในช่วงท้าย พล.อ.ณัฐพล กล่าวย้ำว่า ข้อตกลงการหยุดยิงยังเป็น 8 ข้อเหมือนเดิม แต่มีอีก 6 ประเด็นที่เป็นเรื่องอื่นๆ แต่เกี่ยวข้องกัน เท่าที่ฟังเขาก็รับข้อเสนอทั้งหมด ซึ่งเมื่อช่วงบ่ายหากดูจากสื่อกัมพูชาเขาบอกว่าไม่ได้เต็มใจรับนั้น เรื่องเหล่านั้นไม่มีปัญหา เราคุยกันด้วยเอกสาร อย่าไปพูดอย่างอื่น อาจจะทำข้อมูลคลาดเคลื่อนก็ได้ ย้ำว่าให้ยึดเอกสารหากเห็นพ้องต้องกัน พร้อมมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ระหว่างการประชุมก็จะมีผู้สังเกตการณ์ร่วมเจรจากับทางกัมพูชา เพราะอย่างน้อยมีประเทศที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 เป็นพยานว่าเราตกลงกันอย่างนี้ แต่ยอมรับว่ามีผลเสียเนื่องจากควรพูดคุยกันด้วยทวิภาคีมากกว่า.