“เดชอิศม์” โต้กลับ “ศุภชัย” หลังถูกพาดพิงญาติในคดีบุกรุกโบราณสถานหัวเขาแดง-เขาน้อย จ.สงขลา ย้ำ ต้องเอาที่ดินหลวงคืน พร้อมท้าเอาผู้ต้องหาคดีเขากระโดงมาสาบาน พร้อมออกค่ารถให้
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 สิงหาคม 2568 นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวที่รัฐสภา ถึงกรณี นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุพาดพิงถึงคดีญาติของนายเดชอิศม์ ในคดีบุกรุกโบราณสถานหัวเขาแดง จ.สงขลา ว่า ตนขอถามกลับถึงนายศุภชัยว่ายังเป็นนักกฎหมายอยู่หรือไม่ เพราะคนที่เป็นนักกฎหมายต้องมีจริยธรรม และยังเป็นนักการเมืองอยู่หรือไม่ หากยังเป็นอยู่ควรมองที่ปวงชนชาวไทย อย่ามองที่คนใดคนหนึ่งหรือตระกูลใดตระกูลหนึ่งเป็นการเฉพาะ นั่นไม่ใช่นักการเมือง การที่ญาติพี่น้องทำความผิด เราต้องไปรับผิดด้วยหรือ
“พี่ผมไปกระทำความผิด ผมต้องไปรับผิดด้วยหรือ ยกตัวอย่างง่ายๆ หากพ่อของนายศุภชัย ไปบุกรุกเขากระโดงแล้วโดนศาลตัดสินจำคุก ถามว่าคุณศุภชัยต้องไปรับโทษด้วยไหม ก็ไม่ต้อง ฉะนั้นจึงอยากให้นายศุภชัยตั้งหลักคิดให้ดี อย่าเอามาปนเปกัน ที่สำคัญวันนี้ญาติผมบุกรุกโบราณสถาน ไม่ใช่หัวเขาแดง แต่เป็นเขาน้อย ตอนนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์และฎีกา จึงไม่แน่ใจว่าการที่นายศุภชัยมาพูดจะเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ขอฝากถึงนายศุภชัย ว่า เอาอย่างนี้ดีไหม เราขนคนที่เป็นผู้ต้องหาระหว่างคดีเขากระโดง กับคดีเขาน้อย มาที่วัดพระแก้ว แล้วมาสาบานร่วมกันว่าต้องยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกา ผมถามฝ่ายสงขลาแล้วเขายินดีจะมา จึงขอฝากไปถึงนายศุภชัยด้วย ให้ขนผู้ต้องหาเขากระโดงมาด้วย ค่ารถผมออกให้ก็ได้”
...
เมื่อถามถึงกรณีเขากระโดง ขั้นตอนของการพิจารณาเป็นอย่างไร นายเดชอิศม์ ระบุ ถือเป็นอำนาจของอธิบดีกรมที่ดิน ที่ต้องเพิกถอน จึงต้องรออธิบดีคนใหม่มาเพิกถอนโฉนดที่ดิน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้นโยบายไว้ชัดเจน ว่า ที่ดินหลวงต้องเป็นของหลวงเท่านั้นทุกตารางนิ้ว ฉะนั้นต้องทำให้เร็วที่สุด และต้องทำทั่วประเทศ ไม่ใช่ที่นี่ที่เดียว พร้อมย้ำว่า ที่ดินของหลวงต้องเอากลับมาเป็นของหลวงให้หมด และต้องไม่ยืดเยื้อกว่านี้ ประชาชนทั้งประเทศรอคอยมานาน
ส่วนเรื่องค่าชดเชยเยียวยาให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ต้องไปดูเรื่องความผิด แต่เท่าที่ดูกรณีนี้ไม่เหมือนเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ มีการทำมาเป็นทอดๆ เรื่องเขากระโดงมีทอดเดียว คือคนที่บุกรุกและมาทำโฉนดเลย การที่จะฟ้องเอาผิด ไม่รู้จะฟ้องเอาผิดกับใคร ถ้ามีการขายต่อเจ้าที่ 2 และ 3 ไปก็ต้องดูว่าความผิดตกอยู่ที่ใคร ส่วนที่มีการก่อสร้างอาคารสถานที่ต่างๆ ก็ถือว่าเป็นการบุกรุก
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงประเด็นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งถูกสร้างเป็นสนามแข่งรถไปแล้วนั้น นายเดชอิศม์ กล่าวว่า กรมที่ดินมีหน้าที่ต้องเอาที่ดินรัฐกลับไปให้ รฟท. ส่วนหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของ รฟท. ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ในส่วนความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนที่เป็น รมช.มหาดไทย ถือว่าทำตามหน้าที่แล้ว
จากนั้น นายเดชอิศม์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยังให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว สส.พรรคประชาธิปัตย์ ถูกหลายพรรคทาบทามให้ย้ายพรรค ว่า เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 หลังประชุม สส.พรรค มีการนัด สส.พรรคทั้ง 21 คน ให้มาทานข้าวกัน และได้สอบถามโดยให้ สส. พูดความในใจทีละคน ใครจะย้ายพรรคไปไหนก็ไม่เป็นไรแต่ขอให้บอก โดยสส.เขตทุกคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันทั้งหมดว่าขออยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน
ทั้งนี้ สส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ขอความมั่นใจจากตนในฐานเลขาธิการพรรคเช่นกันว่าจะอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ซึ่งตนยืนยันรับปากแล้วว่าจะอยู่ร่วมสู้ด้วยกันต่อไป ไม่ย้ายไปไหนโดยเด็ดขาด ร่วมสู้กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช ก็ประกาศชัดเจน 100% จะขออยู่ด้วยกันต่อไป ซึ่งตนเชื่อในคำพูดของทั้ง 2 คน ย้ำว่า สส.ทุกคนในพรรคยังคงยืนยันว่าอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์เช่นเดิม
“ในการประชุม สส.พรรคเดือนละครั้ง ผมก็ให้ทุกคนได้พูด และย้ำกับ สส.พรรคว่า ใครอยากย้ายก็ขอให้บอกกล่าวกัน แต่สส.ทุกคนยังยืนยันว่าจะอยู่ต่อร่วมสู้ด้วยกัน ส่วนจะได้เสียง สส.เพิ่มขึ้นในการประชุมสภาฯ สมัยนี้ เรื่องนี้ยังเป็นความลับ แต่เพิ่มแน่นอน ขึ้นอยู่กับเวลา”
ส่วนกรณี นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่ได้มาร่วมประชุม สส.เมื่อวานนั้น นายเดชอิศม์ ระบุ ก็ได้ข่าวว่ามีพรรคสีน้ำเงินมาทาบทามให้ไปร่วมด้วย แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้พบกับนายสรรเพชรที่รัฐสภา จึงได้สอบถามและขอให้บอกตรงๆ หากต้องการย้ายพรรค แต่นายสรรเพชญ กล่าวยืนยันกับตนว่า “เขาอยากอยู่กับนายกฯ ชาย (เดชอิศม์)”