โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง รัฐบาลประกาศห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ขอความร่วมมือประชาชน-ภาคเอกชนช่วยแจ้งเบาะแส ด้านกองทัพยืนยันกรณีโดรนตกที่สุรินทร์เป็นโดรนไทย ส่วนโดรนตกโคราชอยู่ระหว่างตรวจสอบ


วันที่ 4 สิงหาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) ย้ำถึงมาตรการของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT ซึ่งออกประกาศด่วน ห้ามทำการบินหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน (โดรน) ทุกประเภทในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. 2568 จนถึงวันที่ 15 ส.ค. 2568 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ โดยผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งอาจมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนที่ใช้โดรน เช่น ภาคเกษตรกรรม ประสานแจ้งข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยในพื้นที่

โดรนตกสุรินทร์ เป็นโดรนไทย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีการพบโดรนต้องสงสัยบินเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 นั้น พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า โดรนดังกล่าวเป็นของฝ่ายไทย ใช้เพื่อการตรวจการณ์และทดสอบระบบตามภารกิจ ไม่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามจากต่างชาติแต่อย่างใด โดยจำเป็นต้องลงจอดฉุกเฉินเนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย สำหรับกรณีพบเห็นการบินโดรนในพื้นที่อื่นๆ นั้น รัฐบาลได้สั่งการหน่วยความมั่นคงตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน

ขอประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส

...

“รัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกระดับให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของประชาชนและอธิปไตยของชาติ และขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแส เพื่อไม่ให้ผู้ไม่หวังดีใช้เทคโนโลยีละเมิดกฎหมายหรือกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ หากประชาชนพบเห็นโดรนต้องสงสัย หรือพฤติกรรมที่อาจละเมิดประกาศฯ ขอให้แจ้งศูนย์แจ้งเหตุใกล้พื้นที่ เช่น สถานีตำรวจ หน่วยทหาร หรือสายด่วนความมั่นคง 1374 ตลอด 24 ชั่วโมง” นายจิรายุ กล่าว