เปิดประวัติ “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีโยกงบฯ 3 โครงการ ลงพื้นที่ตัวเอง ฝ่าฝืน ม.144 วรรค 2 ต้องพ้นเก้าอี้รองประธานสภาฯ คนที่ 1 และ สส. เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี
วันที่ 1 สิงหาคม 2568 นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 และ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ กรณี นายภัณฑิล น่วมเจิม ส.ส.พรรคประชาชน (ปชน.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวม 121 คน ร้องให้ยื่นสอบปมจัดทำโครงการและให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ ลงพื้นที่ตัวเอง อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง
ประวัติ “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน”
สำหรับประวัติ นายพิเชษฐ์ มีชื่อเล่น “ต้อย” เกิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2506 ที่อำเภอพาน จ.เชียงราย สมรสกับนางสาวธัญพิชชา ตรีวิชาพรรณ มีบุตร 1 คน นายพิเชษฐ์จบการศึกษา ปริญญาตรี ในคณะเทคโนโลยีการเกษตรบัณฑิต สาขาพืชศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ปริญญาโท คณะวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปริญญาเอก คณะปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาการบริหารการพัฒนา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โดยนายพิเชษฐ์ เคยดำรงตำแหน่งนายกองค์กรนักศึกษาแม่โจ้ และเคยดำรงตำแหน่งนายกองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทยภาคเหนือ และมีบทบาทในการนำผู้ชุมนุมเข้ากรุงเทพ เพื่อออกมาต่อต้านม็อบพันธมิตรประชาชน ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล
เส้นทางสู่การเมือง เคยดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 2 สมัย และเคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากนั้นในปี 2544 ลงรับสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 77 พรรคไทยรักไทย แต่ไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ต่อมาพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ลาออกในปี 2546 จึงได้เลื่อนลำดับมาเป็น ส.ส. แทน
...
ต่อมาในปี 2550 ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จังหวัดเชียงราย พรรคพลังประชาชน ได้รับการเลือกตั้ง และปี พ.ศ. 2554 ได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในนามพรรคเพื่อไทย นายพิเชษฐ์ ยังมีบทบาทสำคัญในการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อปี 2556 ต่อมาในปี 2562 และ ปี 2566 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงราย สังกัดพรรคเพื่อไทย
ขณะที่เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ในการประชุมครั้งแรกของสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้เสนอชื่อนายพิเชษฐ์ให้เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 โดยไม่มีผู้เสนอชื่อแข่ง ต่อมาในวันที่ 10 กันยายน 2567 นายพิเชษฐ์ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลาออกจากการเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เพื่อที่จะขยับไปเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แทน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่พ้นจาก ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาชน จากการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี และในวันที่ 11 กันยายน 2567 พรรคเพื่อไทยมีมติตามที่ระบุข้างต้น ส่วนรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นของ นายภราดร ปริศนานันทกุล จากพรรคภูมิใจไทย
กระทั่งถูกนายภัณฑิล พร้อม ส.ส.อีก 121 คนยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบกรณีผันงบของสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 3 โครงการ ไปลงในพื้นที่ตัวเอง และศาลวินิจฉัยให้สิ้นสุดสมาชิกภาพ สส. นับแต่วันที่ศาลมีคำวินิจฉัยคือ 1 ส.ค. 2568 และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี