"บิ๊กเล็ก" เผยติดตามสถานการณ์ชายแดนอย่างใกล้ชิด ส่งผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่ดูความเสียหาย ยอมรับกังวลความปลอดภัยการเจรจา GBC วันที่ 4 ส.ค. นี้
วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมสภากลาโหมว่า ได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง และได้รับฟังรายงานสรุปจากผู้บัญชาการเหล่าทัพ แม่ทัพภาค และผู้บัญชาการกองกำลังทั้งหมด โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ปรึกษาหารือกับผู้บัญชาการทหารบกเกี่ยวกับการละเมิดการหยุดยิงของกัมพูชา พร้อมกำชับให้มีการแถลงข่าวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อให้ประชาชนและนานาชาติรับทราบข้อเท็จจริง
พล.อ. ณัฐพล กล่าวว่า ได้สั่งการให้กองทัพบกมอบหมาย ผู้ช่วยทูตทหาร ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายในพื้นที่พลเรือน เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน โรงเรียน และบ้านเรือนของประชาชน เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการกระทำของกัมพูชา และจะนำข้อมูลการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงมอบให้กับผู้ช่วยทูตทหารด้วย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยอมรับว่า มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ โดยหลังจากนี้จะมีการหารือกับฝ่ายเลขาของ GBC และประเมินสถานการณ์อีก 1-2 วัน ก่อนจะปรึกษากับฝ่ายกัมพูชาซึ่งเป็นเจ้าภาพ
พล.อ. ณัฐพลยังได้เน้นย้ำให้แม่ทัพภาคบันทึกการพูดคุยกับผู้บัญชาการหน่วยทหารฝ่ายกัมพูชา และให้ข่าวสารต่อสาธารณะเมื่อมีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เพื่อให้สังคมได้รับทราบ และกระทรวงกลาโหมจะได้มีข้อมูลในการพิจารณาดำเนินการต่อไป หากกัมพูชาไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง ไทยก็จำเป็นต้องตอบโต้ในระดับที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงชีวิตและขวัญกำลังใจของกำลังพล เช่น กรณีที่กัมพูชายิงและขว้างระเบิดเมื่อคืนที่ผ่านมา ไทยก็มีการตอบโต้
...
พล.อ. ณัฐพล ชี้แจงอีกว่า การที่กัมพูชาเพิ่มกำลังพลหลังแนวรบถือเป็นการละเมิดข้อตกลงเช่นกัน และได้ย้ำให้แม่ทัพภาคที่ 2 ทำการแถลงและบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจน เนื่องจากที่ผ่านมาข้อมูลส่วนใหญ่ได้จากสื่อและการรายงานด้วยวาจา กระทรวงกลาโหมพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานของกองทัพทุกด้าน
ส่วนประเด็นที่กัมพูชาพาผู้สังเกตการณ์ สื่อมวลชน และผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่ โดยที่อาจไม่มีการตกลงกับฝ่ายไทย พล.อ. ณัฐพลระบุว่า การใช้ผู้ช่วยทูตทหารได้มีการตกลงกันตั้งแต่ที่มาเลเซีย โดยต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งแต่ละประเทศจะนำผู้ช่วยทูตทหารไปดูในจุดพื้นที่หยุดยิงของตนเอง และไทยจะนำคำชี้แจงจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้มอบให้กับผู้ช่วยทูตทหาร เช่น ผู้ช่วยทูตทหารอินโดนีเซียของไทยได้รับข้อมูลของเราแล้ว ส่วนของกัมพูชาจะเชื่อข้อมูลใดก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเขา
“บางครั้งประชาชนก็อยากให้เราตอบโต้กับฝ่ายกัมพูชาแต่เขาบิดเบือนตลอด การตอบโต้ของเราจะให้บิดเบือนด้วย มันไม่ได้เป็นประเทศที่เจริญหรือกองทัพที่เจริญ เราจะต้องใช้วิธีเอาข้อเท็จจริงไปตอบโต้” พล.อ. ณัฐพล กล่าวย้ำถึงหลักการของไทยที่จะใช้ข้อเท็จจริงในการชี้แจง ไม่บิดเบือนข้อมูล นอกจากนี้เรายังเฝ้าระวังการใช้อาวุธพิสัยไกลของกัมพูชามาตลอด และแม้จะมีการหยุดยิงก็ยังต้องระวังการละเมิดของฝ่ายกัมพูชา หากเกิดขึ้นก็พร้อมตอบโต้ แต่หวังว่าจะไม่เกิดขึ้น
สำหรับสถานการณ์ที่ชาวบ้านบางส่วนเริ่มเดินทางกลับเข้าที่พักแล้ว พล.อ.ณัฐพลแสดงความเห็นใจและได้แจ้งต่อนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สั่งการตำรวจเร่งเก็บหลักฐานในบ้านเรือนประชาชนและสถานที่ราชการทุกแห่ง พร้อมขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าไปดูแลทรัพย์สินของประชาชน เพราะยังมีทั้งผู้ที่กลับเข้าพื้นที่และผู้ที่ยังไม่ได้อพยพออก
เมื่อถามถึงการประเมินสถานการณ์ว่าจะมีการปะทะที่หนักขึ้นหรือไม่ พล.อ. ณัฐพลย้ำว่า ฝ่ายไทยมีความจริงใจในการสนับสนุนมาตรการหยุดยิงตามคำขอร้องของประเทศอาเซียนและมหาอำนาจ เพื่อไม่ให้มีคู่พิพาทเพิ่มขึ้นยืนยันว่ารัฐบาลสนับสนุนให้เหล่าทัพหยุดยิง ซึ่งผู้บัญชาการเหล่าทัพก็พร้อมปฏิบัติตามนโยบาย
ในประเด็นที่ว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยคนใหม่ ที่แสดงความคิดเห็นว่าอาจไม่เสริมสร้างความเป็นพันธมิตร พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า การชี้แจงของไทยจะไม่เฉพาะเจาะจงประเทศใด แต่จะทำในภาพรวม โดยกระทรวงการต่างประเทศจะชี้แจงเอกอัครราชทูต และกองทัพจะชี้แจงทูตทหาร ซึ่งเป็นการแบ่งงานกันทำ และยืนยันว่าไทยให้ความสำคัญกับนานาชาติและสังคมโลก โดยพยายามยึดกฎหมายระหว่างประเทศเสมอ แม้บางครั้งอาจไม่ถูกใจประชาชนหรือสื่อมวลชนบางท่าน และเมื่อสถานการณ์จบลง ไทยจะสามารถชี้แจงได้อย่างสง่างาม