โฆษกรัฐบาลเผย ผู้ว่าฯ สุรินทร์ ประกาศเขตภัยพิบัติสงคราม ขอประชาชนเลี่ยงเข้าพื้นที่เสี่ยงรัศมี 120 กม.จากชายแดนไทย-กัมพูชา แนะชาร์จแบตมือถือให้เต็ม อย่าปิดเครื่อง รับข้อมูลจาก Cell Broadcast
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลได้รับแจ้งว่า นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้ลงนามในประกาศเขตภัยพิบัติสงครามแล้ว ซึ่งเป็นยกระดับเทียบเท่าน้ำท่วม-แผ่นดินไหว เนื่องจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณชายแดนอำเภอบัวเชด อำเภอสังขะ อำเภอกาบเชิง และอำเภอพนมดงรัก และอาจส่งผลกระทบต่อสถานที่สำคัญ อาทิ สถานบริการสาธารณสุข สถานีบริการน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งพื้นที่ชุมชน
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า การประกาศดังกล่าวเป็นการกำหนดให้เหตุการณ์ปะทะเป็นสาธารณภัย ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถใช้งบประมาณช่วยเหลือประชาชนที่จำเป็นต้องอพยพหรือได้รับผลกระทบได้อย่างทันที กรณีงบประมาณไม่เพียงพอ ผู้บริหารท้องถิ่นสามารถอนุมัติให้ใช้เงินสะสมได้ตามความจำเป็น โดยคำนึงถึงฐานะการเงินการคลังขององค์กร
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ คอยรับแจ้งเตือนจากจังหวัดและขอให้ปฏิบัติตามแนวทางที่วางไว้ คือไม่ควรอยู่ในพื้นที่รวมกลุ่มคนจำนวนมาก หลีกเลี่ยงพื้นที่ในรัศมี 120 กิโลเมตรจากชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดที่ควรหลีกเลี่ยงชั่วคราว ได้แก่ ฐานที่ตั้งหน่วยทหาร โรงพยาบาล โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และชุมชนหนาแน่น หากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง ขอให้ใช้เวลาสั้นที่สุดและรีบเดินทางกลับที่พัก โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในอำเภอใกล้ชายแดน
...
นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงต่อภัยจากความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือให้เต็มและอย่าปิดเครื่อง เนื่องจาก Cell Broadcast Service สแตนด์บาย 24 ชั่วโมง หากมีเหตุเกิดพื้นที่ไหน โทรศัพท์มือถือทุกคนจะมีเสียงและตัวหนังสือแจ้งเตือนทันที ส่วนการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน เนื่องจากสถานการณ์ตลอดแนวเขตชายแดนจังหวัดสุรินทร์ มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นขอให้พิจารณาถึงความปลอดภัยของตนเองด้วย
“อีกเรื่องที่ประชาชนสามารถช่วยทหารได้ นอกจากการไม่แชร์ข้อมูลสำคัญต่างๆ แล้ว สิ่งนั้นก็คือเมื่อพบเห็นโพสต์หรือคอมเมนต์ของผู้ไม่หวังดีที่มีการกลั่นแกล้ง ก่อกวน และโจมตีสื่อทางการไทย ให้ช่วยกันกดรีพอร์ต (Report) ทันที”