“จิรายุ” เผย นักวิชาการสหรัฐฯ วิเคราะห์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา มาจากการเมืองภายในกัมพูชา โจมตีแบบไม่ระบุเป้าหมาย ขณะที่ไทยเน้นเป้าหมายเฉพาะทางทหารแบบแม่นยำ เหนือชั้นอย่างชัดเจน


เมื่อเวลา 10.30 น. วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เผยถึงกรณีที่นักวิชาการต่างประเทศ วิเคราะห์ปฐมเหตุที่มาความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า มาจากการเมืองภายในกัมพูชาที่หวังสร้างชื่อให้ผู้นำกัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ใช้สถานการณ์ความตึงเครียดเพื่อเสริมภาพลักษณ์ความเข้มแข็งและรวบอำนาจทางการเมือง

นายจิรายุ ระบุต่อไปว่า ศาสตราจารย์ซาคารี อาบูซา (Dr. Zachary M. Abuza) นักวิชาการด้านความมั่นคงและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จาก National Defense University กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า กองทัพไทยมีความเหนือชั้นอย่างชัดเจนด้านยุทโธปกรณ์และงบประมาณ และการใช้เครื่องบินรบ F-16 ตอบโต้ในสถานการณ์ล่าสุด ถือเป็นการดำเนินการที่แม่นยำ โดยมุ่งเป้าเฉพาะหน่วยยิง BM-21 ของฝ่ายกัมพูชาที่กระทำการโจมตีพื้นที่พลเรือนในฝั่งไทย จนมีผู้เสียชีวิตและโรงพยาบาลเสียหาย ไทยยังยึดหลักการใช้กำลังอย่างจำกัดและสอดคล้องกับหลักมนุษยธรรม ต่างจากฝ่ายกัมพูชาที่กระทำการโจมตีแบบสุ่ม ไม่มีการจำแนกเป้าหมาย ซึ่งเสี่ยงต่อชีวิตพลเรือนอย่างยิ่ง

ศาสตราจารย์อาบูซา ยังได้วิเคราะห์ว่า ความขัดแย้งบริเวณชายแดนในครั้งนี้มีรากเหง้าจากข้อพิพาทเขตแดนในยุคอาณานิคม รวมถึงคำตัดสินของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหาร และประเด็นพื้นที่พิพาท เช่น “สามเหลี่ยมมรกต” ซึ่งแม้จะเป็นประเด็นทางประวัติศาสตร์ แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองภายในของผู้นำกัมพูชา โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ที่พยายามใช้สถานการณ์ความตึงเครียดเพื่อเสริมภาพลักษณ์ความเข้มแข็งและรวบอำนาจทางการเมือง

...

ที่สำคัญนักวิชาการสหรัฐฯ เปิดเผยอีกว่า ธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนพนันในกัมพูชาเป็นแหล่งรายได้หลักของเครือข่ายชนชั้นนำกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ได้รับผลกระทบจากมาตรการเชิงรุกของรัฐบาลไทย ทั้งในด้านกฎหมายกาสิโน และการปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การจับกุม นายก๊ก อาน ผู้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พล.อ.ฮุน มาเนต ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ และสะท้อนจุดยืนของไทยในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ

“บทวิเคราะห์นี้ตรงไปตรงมา มีหลักการและเหตุผลที่ชัดเจน สะท้อนความเป็นกลางทางวิชาการ ยืนยันว่าไทยไม่ต้องการความรุนแรง แต่หากจำเป็นต้องตอบโต้ก็จะกระทำด้วยความรับผิดชอบ มีเป้าหมายจำเพาะ ยึดหลักมนุษยธรรม และความมั่นคงของประชาชนเป็นที่ตั้ง ทั้งยังเดินหน้าทางการทูตอย่างต่อเนื่อง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์และรักษาสันติภาพในภูมิภาค ซึ่งวันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปมาเลเซียตามคำเชิญของ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประธานอาเซียน เพื่อหาแนวทางที่สันติเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งแสดงถึงความจริงใจของรัฐบาลไทย”