ก.ต่างประเทศ แถลง ไทยพร้อมเข้าสู่การเจรจาอย่างสันติ หากกัมพูชาจริงใจหยุดใช้ความรุนแรง หลังยังโจมตีต่อเนื่อง รับ “ภูมิธรรม” เตรียมเจรจา “ฮุน มาเนต” ตามคำเชิญประธานอาเซียน ที่มาเลเซีย 28 ก.ค.


เมื่อเวลา 16.50 น. วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า วันนี้มีในส่วนที่ต้องชี้แจงแถลงข้อเท็จจริงเหตุการณ์ค่ำคืนที่ผ่านมา เกี่ยวกับข้อเสนอในการหยุดยิง หลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้มีการหารือผ่านโทรศัพท์มือถือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยฝ่ายไทยได้มีการยืนยันหนักแน่นถึงจุดยืน ด้วยการเน้นให้เกิดการเจรจาอย่างสันติวิธี โดยเฉพาะการเจรจาผ่านทวิภาคี ซึ่งทางประเทศไทยได้มีการย้ำมาโดยตลอด และอยากเห็นความตั้งใจจริงๆ ของฝั่งกัมพูชาเรื่องการหยุดยิง เรื่องการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมาย หากกัมพูชามีการแสดงความจริงใจและบริสุทธิ์ใจ ฝ่ายไทยก็พร้อมที่จะหารือเพื่อร่วมกำหนดมาตรการและกระบวนการที่ชัดเจนสำหรับการหยุดยิง ตลอดจนการยุติปะทะกันอย่างสันติและยั่งยืน

โดยทางกัมพูชามีการเปิดฉากยิงเข้ามาในหลายจุดตามแนวชายแดนของประเทศไทย ซึ่งยังคงดำเนินการยิงมาถึงช่วงเวลาตอนนี้ และเน้นไปที่การโจมตีพลเรือน สะท้อนให้เห็นว่าฝ่ายของกัมพูชาขาดความจริงใจในการยุติการใช้กำลัง พูดอีกอย่างทำอีกอย่าง และละเลยสิทธิพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยเรื่องดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้นกับประเทศใด การตอบโต้และป้องกันตัวเองของไทยนั้นเป็นสิ่งที่ประเทศไทยไม่สามารถนิ่งเฉยต่อความไร้มนุษยธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตั้งฐานทัพจุดยิงในสถานที่สำคัญ วัด โรงเรียน บ้านเรือนประชาชน ชี้ให้เห็นว่าใช้พลเรือนเป็นเกราะโล่มนุษย์ รวมไปถึงการโจมตีมายังโรงพยาบาลในฝั่งไทย เพื่อให้การรักษาอาการบาดเจ็บของพลเรือนและทหารเป็นไปได้ยากกว่าเดิมด้วย ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง

...

ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางกระทรวงการต่างประเทศจึงมีการออกแถลงการณ์ในกรณีที่กองทัพกัมพูชามีการใช้อาวุธร้ายแรงยิงเข้าใส่บ้านเรือนประชาชนฝั่งประเทศไทยได้รับความเสียหายในจังหวัดสุรินทร์ อีกทั้งยังมีการกล่าวหาข้อความเป็นเท็จว่าฝ่ายประเทศไทยเป็นฝ่ายที่ยิงก่อน

นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการแสดงศักยภาพให้เห็นในระดับภูมิภาคและระดับโลก ถึงการเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงกฎระเบียบระหว่างประเทศ ซึ่งยังคงยืนยันว่าการตอบโต้ของประเทศไทยในครั้งนี้ถือเป็นมิติที่ชอบธรรมของประเทศไทยภายใต้กฎบัตรระหว่างประเทศ และกฎบัตรสหประชาชาติ ในการป้องกันตนเองจากการถูกรุกราน ซึ่งการปฏิบัติการอยู่ในสัดส่วนที่จำเป็นต่อการตอบโต้ทางการทหารเท่านั้น

ทั้งนี้ อยากจะฝากไปยังพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังในการเสพข่าวจากสื่อสังคมโซเชียลออนไลน์ เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างที่จะละเอียดอ่อน อาจนำไปสู่การเข้าใจผิดหรือสร้างความแตกแยกได้โดยไม่ได้ตั้งใจ และขอให้ประชาชนมั่นใจและเชื่อมั่นในการดำเนินการของรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ

ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่ในส่วนของ นายภูมิธรรม จะมีการติดต่อเข้าไปหารือกับทาง พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยคำเชิญ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอาเซียน ที่ประเทศมาเลเซียจริงหรือไม่ นายนิกรเดช ยอมรับว่าได้รับการประสานงานและติดต่อกันจริง โดยจะต้องติดตามกันต่อว่าการเจรจาทวิภาคีที่ประเทศมาเลเซียเป็นไปอย่างไรบ้าง.