กองทัพไทยสรุปสถานการณ์ชายแดน กัมพูชาอพยพ พนง.กาสิโน ยันไทยยึด “ภูมะเขือ” ได้ทั้งหมด เผยพื้นที่ปะทะหนักพร้อมเฝ้าระวังใกล้ชิด 3 อำเภอ ทอ. ย้ำเครื่องบินปลอดภัยทุกลำ หลังเขมรอ้างยิง F-16 ไทยตก


วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 กองบัญชาการกองทัพไทย เผยแพร่บันทึกเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 จากรายงานของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 กองทัพบก และกองทัพเรือ ได้สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่าสถานการณ์ยังคงมีการปะทะอย่างต่อเนื่อง

โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการเสริมกำลังเพิ่มเติม โดยเฉพาะในพื้นที่สำคัญ ได้แก่ ช่องบก ช่องอานม้า ซำแต ช่องตาเฒ่า ภูมะเขือ ปราสาทตาควาย และกลุ่มปราสาทตาเมือนธม โดยมีการยิงปืนใหญ่ตกในพื้นที่พลเรือนหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ในขณะเดียวกันมีการอพยพพนักงานกาสิโนชาวกัมพูชาออกจากบ่อนบริเวณชายแดนฝั่งตรงข้ามช่องสายตะกู จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมสรุปสถานการณ์ในพื้นที่สำคัญ ดังนี้

ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 กำลังฝ่ายกัมพูชาได้ระดมยิงปืนใหญ่ ค. และ BM-21 อย่างหนัก พร้อมพยายามเข้ารุกรานพื้นที่สำคัญ ได้แก่ ซำแต ภูผี ช่องตาเฒ่า และปราสาทตาเมือนธม โดยฝ่ายไทยได้ตอบโต้ด้วยอาวุธประจำกาย ปืนใหญ่ ค. และการโจมตีทางอากาศในพื้นที่ช่องอานม้า ภูผี ช่องตาเฒ่า และช่องบันไดหัก ฝ่ายไทยสามารถยึดควบคุมพื้นที่ภูมะเขือได้ทั้งหมดตามแนวเส้น 1:50,000 ส่วนพื้นที่ปราสาทตาควาย ยังคงมีความพยายามผลักดันจากฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง แต่จำกัดการใช้กำลังเนื่องจากอยู่ใกล้โบราณสถาน

สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะหนัก ได้แก่ ภูมะเขือ ปราสาทตาเมือนธม ช่องบก ช่องอานม้า ซำแต และช่องตาเฒ่า ส่วนพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ได้แก่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และอำเภอกาบเชิง กับอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยคาดว่าฝ่ายกัมพูชาอาจใช้วิธีการยิงปืนใหญ่โจมตีพื้นที่พลเรือนเพื่อกดดันให้รัฐบาลไทยยุติการสู้รบในสภาพเสียเปรียบ

...

ในส่วนของกองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 ดำเนินการผลักดันและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของฝ่ายกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย อันเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 รวมทั้งสิ้น 4 พื้นที่ ในเขตอำเภอตาพระยา 2 พื้นที่ และอำเภอโคกสูง 2 พื้นที่ จังหวัดสระแก้ว

ขณะที่พื้นที่จังหวัดตราด ฝ่ายกัมพูชาเปิดพื้นที่โจมตีใหม่ในเวลา 05.10 น. ของวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 จากนั้นกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดได้ตอบโต้ด้วยการเปิดปฏิบัติการ “ยุทธการตราดพิฆาตไพรี 1” โดยส่งกำลังพลและเรือป้องกันชายแดนเข้าไปผลักดันและทำลายพื้นที่ที่ทหารกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทย 3 จุด จนกระทั่งเวลา 06.40 น.ของวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ฝ่ายกัมพูชาต้องล่าถอยออกจากพื้นที่ดังกล่าว

ด้านการอพยพประชาชน มีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัยตามแนวชายแดนเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยและศูนย์รวบรวมพลเรือนใน 4 จังหวัด ดังนี้

จังหวัดบุรีรัมย์ 1 จุด 8,363 คน

จังหวัดสุรินทร์ 65 จุด 39,350 คน

จังหวัดศรีสะเกษ 82 จุด 35,009 คน

จังหวัดอุบลราชธานี 76 จุด 14,709 คน

รวมประชาชนที่อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยแล้วทั้งสิ้น 97,431 คน (เพิ่มขึ้น 9,393 คน) ส่วนจังหวัดตราด ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจและรวบรวมจำนวนผู้อพยพ

ด้านการช่วยเหลือประชาชน กำลังจิตอาสาพระราชทานในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งในการช่วยเหลือประชาชน อำนวยความสะดวกในศูนย์พักพิงชั่วคราว และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ และกำลังพลจิตอาสา 904 จาก ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน จ.ใกล้เคียง รวมทั้งสิ้น จิตอาสา 904 129 นาย, จิตอาสาประชาชน 2,480 และ รด.จิตอาสา 220 นาย

นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งโรงครัวพระราชทานเพื่อประกอบอาหารดูแลประชาชนผู้อพยพ โดยมีโรงครัวพระราชทานในพื้นที่ 4 จังหวัด จำนวน 7 แห่ง พร้อมรถครัวประกอบอาหาร 9 คัน ซึ่งได้ผลิตข้าวกล่องเพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ตั้งแต่วันที่ 24-26 กรกฎาคม 2568 รวมจำนวน 100,100 กล่อง

สรุปสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบจากการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 14.00 น.

ยอดเพิ่มเติมเฉพาะวันที่ 26 กรกฎาคม 2568

ทหาร

  • เสียชีวิตเพิ่ม 1 นาย
  • บาดเจ็บเพิ่ม 11 นาย

ยอดสะสมรวมตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนถึงปัจจุบัน

พลเรือน

  • เสียชีวิต 13 ราย
  • บาดเจ็บสาหัส 10 ราย
  • บาดเจ็บปานกลาง 12 ราย
  • บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย
  • รวมทั้งสิ้น 48 ราย

ทหาร

  • เสียชีวิต 7 นาย
  • บาดเจ็บ 45 นาย
  • รวมทั้งสิ้น 52 นาย

“กองทัพไทยขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย และขอประณามอย่างรุนแรงต่อการที่ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ การกระทำดังกล่าวขัดต่อหลักมนุษยธรรม กฎหมายระหว่างประเทศ และหลักความมั่นคงที่พึงมีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ กองทัพไทยยืนยันจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและดูแลความสงบสุขของประชาชนชาวไทยอย่างถึงที่สุด“

ทางด้านกองทัพอากาศ เปิเผยผ่านเฟซบุ๊ก กองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force เมื่อเวลา 09.05 น. วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 โดยระบุว่า “เครื่องบินไทยปลอดภัยทุกลำ ข่าวที่ประเทศกัมพูชาอ้างว่า ยิงเครื่องบิน F-16 ไทยตก ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ขอให้ประชาชนติดตามข่าวจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือเท่านั้น“


(แฟ้มภาพ)