พรรคประชาชน ยื่นข้อเสนอถึงรัฐบาล ฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ เอาผิด “ฮุน เซน-ฮุน มาเนต” ชี้การกระทำเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม ขัดธรรมนูญกรุงโรมและอนุสัญญาเจนีวา ยันฟ้องได้เพราะเป็นสิทธิ์ของรัฐผู้ถูกรุกราน
วันที่ 26 ก.ค. 2568 เมื่อเวลา 13.19 น. พรรคประชาชน ได้โพสต์ยื่นข้อเสนอของพรรคต่อรัฐบาลไทย ระบุว่าจากสถานการณ์การปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เปิดฉากยิงโดยกองทัพกัมพูชา และมีการโจมตีไม่เลือกหน้าด้วยอาวุธยิงพิสัยไกลต่อเป้าหมายพลเรือน ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ บ้านเรือน จนทำให้พลเรือนไทยเสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย รวมถึงเด็กและผู้สูงอายุ และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 29 คน
สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังได้โพสต์ในโซเชียลมีเดียส่วนตัว ยืนยันว่าตนเป็นผู้บัญชาการโจมตีอันส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ชาวไทยด้วยตัวเอง
พรรคประชาชนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของสมเด็จฮุน เซน เข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม การโจมตีพลเรือนโดยเจตนา ถือเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างชัดแจ้งในกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งธรรมนูญกรุงโรมแห่งศาลอาญาระหว่างประเทศ มาตรา 8(2)(b)(i) และอนุสัญญาเจนีวา ตามมาตรา 147 ซึ่งนำไปสู่หลักเขตอำนาจศาลสากล (Universal Jurisdiction) ที่อนุญาตให้ทุกรัฐสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้
พรรคประชาชนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย ดำเนินการยื่นฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เพื่อเอาผิดสมเด็จฮุน เซน และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ
แม้ประเทศไทยจะยังไม่ได้ให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรม แต่กัมพูชาเป็นรัฐภาคีของศาลอาญาระหว่างประเทศตั้งแต่ปี 2002 ศาลจึงมีเขตอำนาจเหนือคดีได้โดยตรง หากผู้กระทำความผิดเป็นบุคคลสัญชาติกัมพูชา
...
รัฐบาลไทยจึงมี 2 ทางเลือกที่สามารถดำเนินการฟ้องร้องได้ คือ
1. ยื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ ตามมาตรา 15 เพื่อร้องขอให้เริ่มกระบวนการตรวจสอบเบื้องต้น (Preliminary Examination)
2. ประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลเฉพาะกรณี ในฐานะรัฐเจ้าของดินแดนที่เกิดเหตุอาชญากรรมสงคราม ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการแสดงออกทางการเมืองที่เข้มแข็งชัดเจนต่อกัมพูชา ว่าไทยพร้อมปกป้องชีวิตและความปลอดภัยของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยใช้กลไกระหว่างประเทศ
พรรคประชาชนยืนยันว่าการดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ถือเป็นการใช้สิทธิ์ของรัฐผู้ถูกรุกราน ปกป้องสิทธิเสรีภาพของคนไทยโดยใช้กลไกระหว่างประเทศอย่างผู้มีอารยะ โดยหวังว่ากลไกดังกล่าวจะหยุดยั้งผู้นำกัมพูชาจากการโจมตีพลเรือนไทย และนำกัมพูชากลับสู่การเจรจาทวิภาคีเพื่อคืนความปกติสู่ความสัมพันธ์ของสองประเทศในอนาคต