“ปริญญา” เชื่อสถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาหลังจากคืนนี้จะเบาลง ขณะที่ “วิโรจน์” ชมกองทัพ ทำทุกอย่างได้ดีอยู่แล้ว มองจุดอ่อนไทยอยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศไร้มาตรการเชิงรุก
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 25 ก.ค. 2568 ในรายการเปิดปากกับภาคภูมิ ทางไทยรัฐทีวี ได้เชิญ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร และดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อ.คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาพูดถึงสถานการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา
เปรียบตำรวจปะทะโจร
โดยนายวิโรจน์ มองเป้าหมายสุดท้ายของสมเด็จฮุน เซน และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคือ พยายามทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ไทยไปศาลโลกให้ได้ มีความมุ่งหมายที่จะเอาพื้นที่พิพาทไปเป็นของกัมพูชา เพื่อที่สมเด็จฮุน เซน จะได้เป็นรัฐบุรุษของกัมพูชา และปกครองกัมพูชาไปให้นานที่สุด ซึ่งการตอบโต้ของทหารไทย เหมือนตำรวจที่ต้องปะทะกับโจร แต่อย่างไรตำรวจก็ต้องเคารพกฎหมาย เชื่อว่าฮุน มาเนต จัดฉาก วางเส้นเรื่องไปศาลโลกไว้เรียบร้อย
กต.จุดอ่อน ไร้มาตรการเชิงรุก
นายวิโรจน์ มองด้วยว่ากระทรวงการต่างประเทศของไทยยังมีจุดอ่อน ที่ปล่อยให้กัมพูชายื่นหนังสือร้องไปที่ UNSC ก่อน ทั้งที่ฝ่ายไทยเป็นผู้ถูกกระทำก่อน เกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดตั้งแต่ 16 ก.ค. 2568 และครั้งที่สองในวันที่ 23 ก.ค. 2568 ถามว่ากระทรวงการต่างประเทศเคยคิดที่จะทำหนังสือหรือเชิญต่างประเทศมาพิสูจน์เรื่องเหล่านี้หรือไม่ “เหมือนคุณปล่อยให้เขาต่อยเรา แล้วให้เขาไปแจ้งความก่อนได้อย่างไร” นายวิโรจน์ กล่าวและว่า “ผมมั่นใจว่าหากคุณปานปรีย์ พหิทธานุกร ยังเป็นรมว.ต่างประเทศ จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะเขารู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร เวลาไหนไม่ควรทำอะไร” ขณะที่การตอบโต้ของทหารไทยที่ถูกกัมพูชาเป็นฝ่ายยิงก่อนนั้น นายวิโรจน์ ชื่นชมว่า ขณะนี้กองทัพดำเนินการได้ดีอยู่แล้ว
...
เชื่อหลังคืนนี้สู้รบเบาลง
ด้านดร.ปริญญา เชื่อว่าสมเด็จฮุน เซนพยายามใช้วิธีเหมือนที่เคยชนะคดีปราสาทเขาพระวิหารมาแล้ว คงคิดว่าเมื่อมีการปะทะกันแล้วจะลากไทยขึ้นศาลโลกได้ แต่ครั้งนี้แตกต่างกันเพราะจะทำไม่สำเร็จ เพราะกัมพูชาขึ้นศาลโลกฝ่ายเดียวไม่ได้ ดร.ปริญญา ยังประเมินด้วยว่าสถานการณ์จากคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย (02.00 วันที่ 26 ก.ค. 2568) ซึ่งจะมีการประชุม UNSC ที่ประชุมจะขอให้ทั้งฝ่ายยุติการตอบโต้ และสถานการณ์จะเบาลง และเห็นด้วยกับวิธีการที่จะเอาชนะกัมพูชา คือไทยต้องไม่พลาด หรือไปแพ้ในเวทีนานาประเทศ เพราะมีหลักฐานชัดเจนแล้วว่าฝ่ายกัมพูชาโจมตีโดยไม่สนใจว่าพลเรือนจะเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ และมองว่าการที่กองทัพไทยออกมาประณามการกระทำของกัมพูชาที่เสมือนเป็นอาชญากรรมสงครามนั้น หน่วยงานที่ต้องออกมาประณามเรื่องนี้ก่อนกองทัพไทยควรเป็นกระทรวงการต่างประเทศ