“ภูมิธรรม” รักษาราชการแทนนายกฯ รับคุย “อันวาร์” นายกฯ มาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ฝากบอกกัมพูชาจริงใจ ยุติยิงค่อยมาคุย รับไม่ได้เปิดแนวรบ 4 แนวใน 4 จังหวัดอีสานใต้ เป้าหมายชัดเล็งพลเรือน


วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้ต่อสายมาพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งในฐานะประธานอาเซียน นายอันวาร์ อยากเป็นตัวกลางเพื่อแก้ไขปัญหา และเห็นว่าปัญหาควรจะยุติจากการประทะหรือเผชิญหน้ากัน ซึ่งฝ่ายไทยไม่มีปัญหา แต่ขอให้ฝ่ายกัมพูชามีความชัดเจน เพราะที่ผ่านมาไทยพยายามทำสิ่งนี้มาตลอดแต่ไม่เป็นผล

นายภูมิธรรม กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นฝ่ายกัมพูชาเป็นคนยิงก่อน และถือเป็นเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันแล้วว่าไม่ให้ขึ้นปราสาทตาเมือนธม โดยเฉพาะทหารที่ประจำอยู่ห้ามมีอาวุธติดตัว แต่ฝ่ายกัมพูชาขึ้นมาพร้อมอาวุธ ดังนั้น สถานการณ์เช่นนี้ต้องการความจริงใจ เพราะตลอดแนวชายแดน กัมพูชามีการยั่วยุ ไม่มีวินัย และส่งผลกระทบมาโดยตลอด ที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพพยายามอดทนอดกลั้นในการแก้ไขปัญหา ไทยจึงขอให้นายอันวาร์ ไปเคลียร์เรื่องนี้กับทางกัมพูชาให้มีความชัดเจนก่อนว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะไม่เกิดซ้ำซากอีก ชัดเจนเมื่อไหร่แล้วค่อยมาคุยกัน

...

นายอันวาร์ ได้พูดคุยกับ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก่อนที่จะโทรศัพท์มาหาตน ซึ่งตนก็ยอมรับในหลักการ แต่วิธีการจัดการขอให้กัมพูชาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีความจริงใจ เพราะไทยยึดถือหลักสันติมาตลอด เป็นฝ่ายขอเจรจามาตลอด แต่กัมพูชาไม่เคยสนใจ มีแต่ปล่อยให้ฝ่ายไทยยื่นเงื่อนไขอย่างเดียว แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ และเห็นภาพชัดเจนเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้นั่งบัญชาการ พร้อมการแผนที่ 1:50,000 ซึ่งเป็นแผนที่ที่ไทยใช้มาตลอด ทั้งที่กัมพูชาพูดเองว่าให้ยึดแผนที่ 1:200,000 ดังนั้นสิ่งที่สมเด็จฮุน เซน พูดมาแต่ต้นอยากให้สาธารณะชนได้รู้ว่าสิ่งไหนเป็นข้อเท็จจริง

พร้อมยกอย่างกรณีเอาคลิปเสียงมาออกและโพสต์ในเฟซบุ๊กตัวเองชัดเจน แต่พอมีปัญหาเกิดขึ้นก็บอกว่ามีการให้คนอื่นไปทำ ก็อย่างที่ตนตั้งคำถามว่าลักษณะผู้นำอย่าง สมเด็จฮุน เซน จะเชื่อถือได้หรือไม่ เพราะขณะนี้สิ่งที่เกิดขึ้นฟ้องอยู่แล้วว่า ถ้ายึดมั่นในหลักการจริงๆ ต้องยิงเข้าสู่เป้าหมายทหาร ไม่ใช่เป้าพลเรือน จึงเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน

“ยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเช้าวานนี้ (24 กรกฎาคม) เป็นสิ่งที่ไทยรับไม่ได้ กัมพูชาเปิดแนวรบทั้ง 4 แนวใน 4 จังหวัดอีสานใต้ของไทย มีเจตนาสร้างปัญหา ยิงเข้ามา ดังนั้นสิ่งที่ต้องประณาม สมเด็จฮุน เซน และ พล.อ.ฮุน มาเนต อย่างรุนแรงและต้องรับผิดชอบก็คือมีการยิงมาที่พลเรือน ไม่เข้าสู่เป้าหมายทางทหาร โดยเฉพาะระเบิดที่ลงร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน ซึ่งห่างจากถังน้ำมันใหญ่เพียง 40 เมตรเท่านั้น หากโดนถังน้ำมันใหญ่จะเกิดความเสียหายในพื้นที่พลเรือนเป็นอย่างมาก ถือว่าผิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างรุนแรง ที่สำคัญยังยิงมาที่กลางโรงพยาบาลพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่ง 2-3 เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้มีพลเรือนไทยเสียชีวิตรวมๆ 20 คนแล้ว และบาดเจ็บสาหัสอีกหลายคน”

นายภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า เมื่อเจรจาแต่ในทางปฏิบัติไม่ได้หยุดยิงเลย ทั้งยังไปร้องป่าวว่าไทยเป็นผู้รุกรานก่อนและเปิดฉากยิงก่อน แต่สื่อมวลชนต่างประเทศกว่า 70 แห่ง ออกข่าวยืนยันว่ากัมพูชาเปิดฉากจริงก่อน ซึ่งตนมีตัวอย่างและพร้อมส่งให้สื่อมวลชน ขณะเดียวกันฝั่งกัมพูชายังอ้างอิงฝ่ายเดียว ดังนั้นสิ่งที่กัมพูชาพูดเป็นการแสดงเจตจำนงที่จะรุกรานไทย และละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการทำลายพลเรือนที่ถือเป็นความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนค่อนข้างมาก มีรายละเอียดภาพถ่ายอย่างชัดเจน และมีเด็กเสียชีวิต

ส่วนเรื่องเวทีต่างประเทศขณะนี้ นายภูมิธรรม บอกว่า ตนได้เรียก นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ให้กลับประเทศไทยโดยด่วน เพื่อมาช่วยรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายมาริษ ได้พบและพูดคุยกับเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) โดยให้รายละเอียดและหลักฐานไปแล้ว

“สำหรับตัวผม ยังไม่เห็นท่าทีของกัมพูชาที่จะรู้สึกว่าตัวเองทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นต้องรับผิดชอบ ส่วนจะเรียกว่าเป็นอาชญากรสงครามหรือไม่ เห็นว่าขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องที่อยู่ในกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งก็เข้าข่ายการสร้างอาชญากรรม”

สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุตามแนวชายแดน นายภูมิธรรม ระบุว่า ขณะนี้ไม่ติดปัญหาใดๆ ซึ่งการใช้งบประมาณในพื้นที่จากเดิมที่มีอยู่ 20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 50 ล้านบาท และพื้นที่ใดประกาศภัยพิบัติก็จะเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท รวมถึงจะมีการเยียวยาผู้เสียชีวิต เท่าที่ทราบเบื้องต้นจะขยายเงินเยียวยาสำหรับผู้เสียชีวิตเป็น 1 ล้านบาท ส่วนผู้บาดเจ็บต่างๆ ก็มีลักษณะที่ลดหลั่นกันไป โดยตนสั่งการไปยังรัฐมนตรีทุกคนในการช่วยเหลือประชาชน

ทั้งนี้ ตนจะส่ง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไปที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อป้องกันข้อครหา ไปทำสิ่งที่ไม่ดีในระหว่างที่มีการหาเสียงการเลือกตั้งซ่อม ขณะที่ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ดังนั้นยืนยันได้ว่าจะมีตัวแทนจากรัฐบาลไปเยี่ยมประชาชน และร่วมงานศพของผู้เสียชีวิต ซึ่งรัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุด

ส่วนที่ประชาชนจะนัดชุมนุมวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ มีความเหมาะสมหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของคนที่จะมาชุมนุมว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายหรือไม่ เพราะเวลานี้ประเทศต้องการความสามัคคี ซึ่งเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นมันเป็นลักษณะบุกรุกอธิปไตยประเทศ และสร้างความเสียหายให้ประชาชน โดยมีภาวะรุนแรงขึ้น จนอาจสามารถพัฒนาไปสู่สงครามได้ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นการปะทะโดยใช้อาวุธหนักที่รุนแรง ซึ่งได้มีการพิทักษ์รักษาพื้นที่ไว้และพร้อมรักษาอธิปไตยและประเทศชาติอย่างเต็มที่ ทางกองทัพก็เข้าใจเจตนา ดังนั้น การจะแสดงความเห็น อย่าเพิ่งมาใช้ความต้องการทางการเมืองทำให้เกิดความไม่เป็นเอกภาพในประเทศ เพราะขณะนี้เรากำลังสู้ภัยรุกรานจากภายนอก จึงต้องรวมพลังกัน เพื่อสร้างพลังและแก้ไขปัญหาต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย แจ้งเลื่อนการชุมนุม เนื่องจากสถานการณ์สู้รบในแนวชายแดนทวีความรุนแรงขึ้น เพื่อส่งใจไปแนวหน้า จึงขอเลื่อนออกไปจากวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 เป็นวันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เช่นเดิม.