“คณะรวมพลังแผ่นดิน” เรียกร้องให้ “นายกฯ อิ๊งค์” และ ครม. ลาออกแสดงความรับผิดชอบเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา บานปลายจนมีคนไทยบาดเจ็บและเสียชีวิต นัดชุมนุมใหญ่ 27 ก.ค. นี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ


วันที่ 24 ก.ค. เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ นายสมชาย แสวงการ นายแก้วสรร อติโพธิ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ฯลฯ แถลงการณ์ประณามการกระทำที่รุนแรง ไร้มนุษยธรรม ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา รวมทั้งเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีลาออกทั้งคณะเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสถานการณ์ประเทศหลังเกิดวิกฤตการณ์สู้รบกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนเป็นเหตุให้คนไทยและเด็กเล็กเสียชีวิตทันทีหลายคนอย่างไร้มนุษยธรรม พร้อมทั้งขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศให้ออกมาร่วมแสดงพลังปกป้องอธิปไตย ในฐานะประชาชนคนไทยตามสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ในวันอาทิตย์ที่ 27 ก.ค. 2568 เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

ชี้ปัญหาเกิดจากรัฐบาลอ่อนแอ

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. กล่าวว่า สถานการณ์การปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชา จนทำให้เกิดการสูญเสียของทหารและชาวบ้านที่อยู่บริเวณชายแดน รวมทั้งทหารไทย 2 นายที่ถูกกับระเบิดของฝ่ายกัมพูชาและบานปลายจนถึงขั้นเกิดการปะทะกัน เป็นปัญหาเกิดจากรัฐบาลไทยขาดความเข้มแข็งและอ่อนแอ วันนี้ คณะรวมพลังแผ่นดินฯ จึงตัดสินใจจะจัดการชุมนุมใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 27 ก.ค. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อแสดงพลังสามัคคีปกป้องประเทศชาติและส่งกำลังใจไปยังเจ้าหน้าที่แนวหน้ากับชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดน และร่วมกันเปิดรับบริจาคเงิน สิ่งของ ข้าวสารอาหารแห้ง เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรคช่วยเหลือผู้ประสบภัยสงครามที่ศูนย์อพยพตามแนวชายแดน รวมทั้งส่งกำลังบำรุงกองทัพ นอกจากนี้จะประสานให้รถรับบริจาคเลือดจากสภากาชาดไทย มารับบริจาคเลือดจากผู้ชุมนุมให้ผู้บาดเจ็บตามแนวชายแดนด้วย

...


คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยเห็นว่า การดำรงอยู่ของรัฐบาลสร้างความกระทบเทือนเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐในทุกมิติ รวมถึงเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ สาธารณสมบัติของแผ่นดิน กระทบต่อความไว้วางใจ ความสงบสุขเรียบร้อยของประเทศชาติ และประชาชนคนไทยอย่างรุนแรงที่สุด จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล

เรียกร้อง รัฐบาลลาออก

1) ยุติการแทรกแซงกิจการภารกิจของกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงทันที

2) ยกเลิกคณะทำงานทีมไทยแลนด์ (ศก.ทบ.) และสนับสนุนดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี แนวทางนโยบายของกองทัพ สภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานความมั่นคง

3) ยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU43) แผนแม่บท (TOR46) บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์ในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (MOU44) และแถลงการณ์ร่วม (JC44)

4) รัฐบาลต้องไม่เปิดโอกาสให้ต่างชาติไม่ว่าจะเป็นอเมริกา อิสราเอล ยุโรป จีน รัสเซีย หรือประเทศอื่นใด แทรกแซงสถานการณ์ รวมถึงให้หยุดการซ้อมรบกับนานาประเทศทันที

5) ให้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการณ์ประณามกัมพูชาและรายงานต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทันที เพื่อให้สามารถใช้กำลังในการป้องกันตนเองอย่างเต็มที่โดยชอบธรรมถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ

6) ให้รัฐบาลทั้งคณะลาออกทันที


ซัด “อิ๊งค์” ต้นเหตุสงคราม

ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการแย่งผลประโยชน์กันระหว่างตระกูลชินวัตรและตระกูลวุ้นเส้น ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร อ่อนแอและมีสถานะที่ไม่เหมาะสมกับการบริหารประเทศ รวมทั้งสถานการณ์สู้รบในขณะนี้ จึงเห็นควรว่า บัดนี้ประชาชนมีฉันทามติตรงกันว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไม่เหมาะกับการบริหารประเทศ

เจ็บใจพลเรือนเจ็บ-ตาย

ขณะที่นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า หลังจากที่ตนฟังข่าวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่าฝั่งกัมพูชาจงใจยิงพลเรือนชาวไทย ตนก็รู้สึกโกรธแค้นและเจ็บใจอย่างมาก ขณะเดียวกันตนเองก็ไม่สบายใจกับรัฐบาลชุดนี้ เพราะเนื่องจากตามที่ปรากฏในคลิปเสียงว่า นายกรัฐมนตรีพูดกับสมเด็จฮุนเซนว่า “อังเคิล (Uncle) ต้องการอะไร จะจัดหามาให้หมด” และบอกว่า “ทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามกับตนนั้น” เป็นวลีของพวกไส้ศึกเหมือนสมัยกรุงศรีอยุธยา นั่นคือบ่อเกิดให้กัมพูชากล้าทำสงครามกับเราในวันนี้


โต้ไม่มี “อิ๊งค์” ประเทศไทยรอด

ส่วนนายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ระบุว่า จากกรณีที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.พรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยกเลิกคำสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรนั้น ถือเป็นข้อเรียกร้องที่ “ปัญญาอ่อน” อย่างมาก แทนที่จะมาเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญให้ยกเลิกคำสั่ง ควรเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ลาออกจากตำแหน่งในวันนี้ จะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่า อย่าอาศัยสถานการณ์มารั้งเก้าอี้ “ตอนนี้ไม่มีนายกฯ อิ๊งค์ ประเทศไทยก็รอด”


นายจตุพร พรหมพันธุ์ ระบุ ที่ผ่านมาเรามีนายกรัฐมนตรีที่ขาดศักยภาพ ขาดความเป็นผู้นำและอ่อนแอ อยู่ภายใต้อาณัติของคลิปเสียง จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติ ดังนั้น ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องออกจากอาณัติคลิปดังกล่าว มีความรักชาติกับผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง