“กองทัพ” เตรียมยกระดับใช้กำลังหากยังหยุด “เขมร” ไม่ได้ ย้ำเป้าหมายที่ตั้งกองกำลังทหารกัมพูชา ไม่ใช้อาวุธโจมตีพลเรือน มอบ ผบ.ทบ. บัญชาการรบตามแผนเผชิญเหตุ พร้อมสนับสนุนกำลังทางอากาศ-ทางเรือ


เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 ก.ค. 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขยายความรุนแรงมีการเปิดฉากการยิงโดยกำลังทหารฝั่งกัมพูชา มีการใช้อาวุธประจำกาย และอาวุธประจำหน่วยหลายชนิดเข้ามายังฝั่งไทยในหลายพื้นที่ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งทหารและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตามที่ปรากฏในภาพข่าว

ผบ.ทบ.บัญชาการรบ

โดยการปฏิบัติทางทหาร ตามพระราชบัญญัติการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมพุทธศักราช 2551 มาตรา 39 มอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการทางทหารได้สั่งการให้กองทัพบกใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถ ซึ่งเป็นแผนเผชิญเหตุตามแผนป้องกันประเทศฝั่งตะวันออก โดยมีผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ มีอำนาจในการบัญชาการและการใช้กำลังทางบก และร้องขอการสนับสนุนกำลังทางอากาศและทางเรือ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกำลังทางบกตามแผนเผชิญเหตุ

ต่อยกระดับระงับเหตุการณ์

โดยการปฏิบัติการทางทหารมี 2 ขั้น คือ ขั้นปกติ ขั้นปฏิบัติการ ปัจจุบันอยู่ในขั้นการปฏิบัติการ โดยใช้อาวุธยิงสนับสนุนของกองทัพภาคที่ 2 และการยิงสนับสนุนทางอากาศจากกองทัพอากาศ โดยมีเป้าหมายคือที่ตั้งกองกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา เพื่อระงับเหตุการณ์ โดยไม่มีการใช้อาวุธต่อเป้าหมายฝ่ายพลเรือนกัมพูชาแต่อย่างใด ทั้งนี้หากไม่สามารถระงับสถานการณ์ความรุนแรงหรือการใช้กำลังของฝ่ายตรงข้าม กองทัพจะพิจารณายกระดับการใช้กำลังสู่ขั้นการป้องกันประเทศในระดับต่อไป

...

ประณามเขมรโจมตีพลเรือน

กองทัพไทยขอประณามการกระทำของกองทัพกัมพูชา ตลอดจนรัฐบาลกัมพูชาที่มีเจตนาชัดเจนในการเปิดฉากการรบโดยใช้อาวุธหนักโจมตี โดยไม่คำนึงถึงความสูญเสียต่อพลเรือนทั้งสองประเทศ


ทั้งนี้ กองทัพไทยขอให้คำมั่นต่อประชาชนชาวไทยว่า จะพิทักษ์และปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนและความมั่นคงของชาติ พร้อมเป็นหลักประกันความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ สำหรับความคืบหน้าของสถานการณ์จะรายงานให้ทุกท่านทราบต่อไป