หลังเกิดเหตุทหารไทยปะทะกัมพูชาที่ชายแดน “สมศักดิ์” เผย ก.สาธารณสุข ย้ายผู้ป่วย รพ.พนมดงรัก-รพ.กาบเชิง พร้อมสั่งประชุม PHEOC ด่วน รับมือเหตุปะทะ-น้ำท่วม พร้อมส่งทีม MCATT ลงพื้นที่


วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมวิชาการพัฒนาระบบบริการสุขภาพด้านสังคม กระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จากนั้นให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีพายุวิภา ว่า ตนได้รับรายงานจากพื้นที่ภาคเหนือ ได้รับความเสียหายคือ จ.เชียงราย จ.พะเยา จ.ลำปาง และ จ.น่าน มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 3 แห่ง และโรงพยาบาล 4 แห่ง ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเข้าท่วมพื้นที่ โดยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.น่าน มีโรงพยาบาลได้รับผลกระทบถึง 2 แห่ง และ รพ.สต. 3 แห่ง ซึ่งหนักกว่าจังหวัดอื่นๆ ขณะนี้โรงพยาบาลยังให้บริการประชาชนได้อยู่ แต่ถ้ามีน้ำเพิ่มก็อาจจะต้องอพยพผู้ป่วย โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว รวมถึงทีม MCATT ก็เตรียมลงพื้นที่เยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบด้วย

ทางด้านกรณีเกิดเหตุทหารไทยปะทะกัมพูชาบริเวณชายแดน นายสมศักดิ์ ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมพร้อม โดยในส่วนของ 2 โรงพยาบาลในพื้นที่ คือ รพ.พนมดงรัก และ รพ.กาบเชิง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ก็ได้มีการอพยพผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลในเมืองแล้ว โดย รพ.พนมดงรัก มีขนาด 30 เตียง ได้ย้ายผู้ป่วยไป รพ.อื่น 19 ราย และให้กลับบ้าน 19 ราย ส่วน รพ.กาบเชิง มีขนาด 60 เตียง ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยจำนวน 56 รายแล้ว รวมถึงตอนนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ (สสจ.สุรินทร์) ประกาศยกระดับภาวะฉุกเฉิน ระดับ 2 แล้ว ซึ่งในสัปดาห์นี้ถ้ามีเวลาตนจะไปเยี่ยมในพื้นที่ เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ในเวลา 13.00 น. ตนจะมีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข PHEOC ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อสั่งการทั้งเรื่องน้ำท่วม และเหตุปะทะชายแดน

...

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า จากเหตุปะทะตนยังได้สั่งการให้จัดทีม MCATT ไปให้บริการจิตวิทยาและการคัดกรองสุขภาพจิตให้กับประชาชนในพื้นที่ ที่อาจอยู่ในภาวะเครียดและตื่นตระหนก ขณะเดียวกันจะเปิดศูนย์ให้คำปรึกษาแบบวอล์กอินและออนไลน์ ทั้งนี้ ได้กำชับเรื่องการบริหารทรัพยากรบุคคลให้มีความเหมาะสม ประเมินร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อสนับสนุนงาน ช่วยเหลือด้านการอพยพประชาชนและดูแลศูนย์อพยพ เพื่อให้ประชาชนเกิดความปลอดภัย และให้ติดตามกลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องรับยาเพื่อนำส่งยา ให้สำรองเวชภัณฑ์ยาให้เพียงพอเพื่อรับมือสถานการณ์ และพร้อมการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ.