“สว.นรเศรษฐ์” เทียบโทษศาลทหาร-ศาลพลเรือน หลัง พ.ร.บ.อุ้มหาย มีผลบังคับใช้ ต่างลิบลับ สุดเหลื่อมล้ำ กรณีซ่อมนร.เตรียมทหาร-ซ้อมฝึกทหารในค่าย ชี้ วัฒนธรรมใช้ความรุนแรง ต้นแบบความสูญเสีย ผิดแต่โทษขี้ปะติ๋ว เกิดเหตุซ้ำซาก วอน ผู้มีอำนาจในกองทัพเร่งแก้ไข
วันที่ 23 ก.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) แถลงถึงกรณีศาลทหารชั้นฎีกา พิพากษาคดีนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิต หลังถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย โดยศาลสั่งลงโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน รอลงอาญา 2 ปี ว่า ตนเข้าใจว่าเมื่อคำพิพากษาออกมา ทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลายในสังคม โดยเฉพาะเรื่องลงโทษว่า ได้สัดส่วนกับความผิดหรือไม่ เพราะการทำให้คนหนึ่งเสียชีวิต แต่โทษที่เกิดขึ้น ไม่ได้สัดส่วน โดยกรณีของนายภคพงศ์ เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2560 ก่อนที่จะมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการกระทำทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อปี 2565 ซึ่งกฎหมายฉบับนี้เป็นกลไกที่ช่วยตัดอำนาจศาลทหาร เจ้าหน้าที่รัฐที่ทำผิด หรือกระทำทรมานต่างๆ แทนที่จะขึ้นศาลทหารต้องมาขึ้นศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ เปรียบเทียบกับกรณีของคดีของพลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล ทหารเกณฑ์ที่ถูกครูฝึกทำโทษซ่อมวินัยบาดเจ็บบอบช้ำหนักจนเสียชีวิต เข้าเกณฑ์พ.ร.บ.อุ้มหาย ซึ่งผลการพิจารณาของศาล ให้จำคุกจำเลยตั้งแต่ 10 – 20 ปีขึ้นไปตามสัดส่วน จะเห็นว่า โทษจากการถูกซ้อมทรมานจนเสียชีวิต เป็นกรณีคล้ายกัน แต่เมื่อขึ้นศาลพลเรือนโทษแตกต่างจากศาลทหารมาก
“นี่คือความเหลื่อมล้ำของกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย วัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในการฝึกซ้อมของกองทัพ เป็นวัฒนธรรมการใช้ความรุนแรงในการฝึกซ้อม วัฒนธรรมนี้เกิดขึ้นได้ เพราะมีวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดซึ่งเกิดขึ้นควบคู่อยู่เสมอ การที่ผู้กระทำผิดยังได้รับการคุ้มครองยังสามารถใช้อิทธิพล และยังไม่ได้รับโทษตามสัดส่วนกับความผิดที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดเหตุแบบนี้ซ้ำซาก การซ้อมทรมานพลทหารจนเสียชีวิต ช่วง 15 ปีที่ผ่านมา เฉพาะที่เป็นข่าว 20 กว่าราย สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ต้นเหตุคือวัฒนธรรมความรุนแรงในกองทัพ ผมวิงวอนถึงผู้มีตำแหน่งในกองทัพ ให้ช่วยแก้ไขวัฒนธรรมความรุนแรงจากการฝึกซ้อมในกองทัพ เพราะเชื่อว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากใช้พ.ร.บ.อุ้มหาย หรืออยากเห็นลูกหลานที่ถูกส่งมาเป็นรั้วของชาติ ต้องมีจุดจบเหมือนกรณีเหล่านี้” นายภคพงศ์ กล่าว
...