ส่องคำวินิจฉัย กกต. มีมติฟันอาญา “สว.เกศกมล เปลี่ยนสมัย” กรณีกรอกประวัติเป็น “ศาสตราจารย์” ยื่นศาลฎีกาสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 จากกรณี นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้รับมติคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะที่เป็นผู้ร้อง คดีให้ตรวจสอบคุณสมบัติของ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือ หมอเกศ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กรณีวุฒิการศึกษา เข้าข่ายเป็นการหลอกลวงในการลงสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น สว. หนังสือลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 โดย กกต. มีมติให้ดำเนินคดีกับ พญ.เกศกมล ในความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งและคดีอาญา กรณีใช้คำว่า “ศาสตราจารย์” ซึ่งจะมีอัตราโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี และตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี
ทั้งนี้ พบว่าคำวินิจฉัยของ กกต. ที่ 309/2568 เรื่องการเลือก สว.ระดับประเทศ กกต. ได้รับคำร้องและรายงานกรณีมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏต่อ กกต. ว่า น.ส.เกศกมล ผู้มีสิทธิเลือก สว.ระดับประเทศ กลุ่ม 19 หมายเลข 3 (ผู้ถูกร้อง) กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (4) กล่าวคือ ผู้ถูกร้องหลอกลวงหรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้ถูกร้อง เพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้อง จำนวน 6 คำร้อง และ 3 คำร้องย่อย โดยส่วนใหญ่คือ กรณีกล่าวหาเรื่องหลอกลวงคุณสมบัติในการสมัคร สว. เช่น การใช้คำนำหน้าชื่อว่า “ศาสตราจารย์” กรณีการเรียนจบดอกเตอร์ ปริญญาเอกจาก California University, U.S.A. การเปิดคลินิกเสริมความงาม รวมถึงการสวมชุดครุยวิทยฐานะในการจบมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นต้น
...
โดย กกต. ได้ยกคำร้องแทบทั้งหมด เหลือแค่กรณีการใช้คำนำหน้าว่า “ศาสตราจารย์” โดยข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า น.ส.เกศกมล สมัคร สว.ในกลุ่ม 19 โดยระบุในข้อมูลแนะนำตัวผู้สมัคร (สว.3) ในส่วนประวัติการศึกษาว่า ปริญญาเอก รัฐศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต (Doctor of Political Science) California University, U.S.A. และศาสตราจารย์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Professor in Human Resource Development) California University และระบุประวัติการทำงานหรือประสบการณ์ทำงานในกลุ่มที่สมัครว่า “ศาสตราจารย์” จึงต้องพิจารณาเป็น 2 กรณีว่า การที่ผู้ถูกร้องแนะนำตัวในการเลือก สว. ในส่วนของประวัติการศึกษาว่าจบปริญญาเอก และการแนะนำตัวมีคำนำหน้าว่าศาสตราจารย์ เป็นการหลอกลวงเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้อง อันฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 77 (4) หรือไม่
ในส่วนกรณีวุฒิการศึกษาปริญญาเอก แม้ California University FCE จะได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐอเมริกา แต่ยังไม่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนของไทย (ก.พ.) เนื่องจากยังไม่มีบุคคลใดหรือองค์กรใดนำวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัยดังกล่าวไปยื่นเพื่อเทียบวุฒิต่อ ก.พ. เข้ารับราชการ อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันได้ว่ากระทำการฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา จึงน่าเชื่อว่าการที่ น.ส.เกศกมล แนะนำตัวในประวัติการศึกษาว่าปริญญาเอกมหาวิทยาลัยดังกล่าว ยังไม่เป็นการหลอกลวงหรือจูงใจให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ในชั้นนี้ข้อเท็จจริงจึงยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องกระทำผิดตามคำร้อง
ขณะที่กรณี “ศาสตราจารย์” จากการไต่สวนข้อเท็จจริง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) การกำหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ ต้องเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการการข้าราชการพลเรือนในสถาบันการอุดมศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) รองศาสตราจารย์ (รศ.) และศาสตราจารย์ (ศ.) 2564 และระเบียบคณะกรรมการการอุดมศึกษาที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ถูกร้องไม่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลของผู้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันการอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) และคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กำหนด ประกอบกับไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีสถาบันอุดมศึกษาใดเคยขอให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ พิจารณาดำเนินการเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบุคคลดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ อีกทั้งสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ยังไม่เคยพิจารณาเทียบวุฒิการศึกษาจาก California University และ California University FCE ประกอบกับผู้ถูกร้องก็ให้ถ้อยคำว่าไม่เคยทำงานในตำแหน่งศาสตราจารย์ ข้อเท็จจริงจึงเป็นที่ยุติว่า ผู้ถูกร้องมิได้มีตำแหน่งทางวิชาการศาสตราจารย์ ตามหลักการและขั้นตอนที่กำหนดไว้ในกฎหมายดังกล่าวข้างต้นของไทย
ดังนั้น การที่ผู้ถูกร้องแนะนำตัวในการเลือก สว. ว่าเป็นศาสตราจารย์ โดยที่มิเคยดำรงตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ตามกฎหมายของไทย จึงเป็นการหลอกลวงหรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของผู้ถูกร้อง เพื่อจูงใจให้ผู้สมัคร หรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกร้อง ซึ่งเป็นการทุจริตในการเลือก และทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 77 (4)
กกต. จึงมีคำสั่งในประเด็นกรณี “ศาสตราจารย์” ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ น.ส.เกศกมล ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 62 และรัฐธรรมนูญ มาตรา 226 และให้ดำเนินคดีอาญาแก่ น.ส.เกศกมล ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 77 (4)
(อ่านคำวินิจฉัย กกต. ฉบับเต็ม)