“พล.อ.ณัฐพล” ยันพูดอะไรต้องชัวร์ ทำสำนวนประท้วงรอบคอบที่สุดปมเขมรลอบวางทุ่นระเบิด ซัด “ฮุน มาเนต” ไม่จริงใจ ยึดกลไก JBC แต่ใช้มวลชนกดดันที่ปราสาทตาเมือนธม ลั่น ไทยไม่ทำตัวศีลเสมอผู้นำกัมพูชา


เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนเป็นประธานประชุม ศบ.ทก. ถึงกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดระหว่างลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก ว่า การทำงานของภาครัฐต้องทำตามขั้นตอน ตนดูตามโซเชียลในช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา มีสื่อหลายสำนัก หลายนักวิชาการด่าว่าทำงานช้า ไม่ทันใจเท่ากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา หรือ สมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตนอยากบอกว่าทั้งสมเด็จฮุน เซน และสมเด็จฮุน มาเนต โพสต์ทางโซเชียล ถ้าไม่ใช่เขาลบออกได้ แต่เราจะทำตัวแบบนั้นไม่ได้ ถ้าทำอย่างนั้นเราจะศีลเสมอกัน

พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อไปว่า ระหว่างที่ตนปฏิบัติหน้าที่ การพูดอะไรแต่ละครั้งจะต้องใช่หรือถูกมากที่สุด อาจจะผิดพลาดได้แต่ต้องน้อยที่สุด สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เพราะมีความห่วงใย และได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 2 สำรวจเพื่อตอบคำถามให้ได้ว่าเพราะอะไรถึงบอกว่าใหม่ ถ้าเราไปเร่งรัดมากเจ้าหน้าที่เกิดประสบอุบัติเหตุอีก จะถูกตำหนิอีกว่าเรื่องแบบนี้ทำไมเร่งรัด ตนขอเวลาสัก 3 วันเขาสามารถจบภารกิจได้ภายใน 3 วัน ตรวจค้นได้อีก 2 จุด เพิ่มอีก 7-8 ทุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนต้องการ

...

ทั้งนี้ เราไม่เคยใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 ที่เป็นของรัสเซีย จึงเป็นสิ่งยืนยันว่าที่วางระเบิดเป็นของประเทศอื่น ไม่ใช่ของเราแน่นอน อีกประการหนึ่งเราต้องตอบสังคมโลกให้ได้ว่าที่มาวางคือของใหม่ คือจุดที่วาง ซึ่งเราตรวจพบเป็นลักษณะเอาเศษวัชพืช เศษใบไม้มาวางคลุมไว้ และทุ่นระเบิดที่เราตรวจพบถ้าทุ่นเก่าส่วนที่เป็นโลหะจะเป็นสนิม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบและกู้ขึ้นมาพบว่าส่วนที่เป็นโลหะยังวาวอยู่ เราทำงานอย่างนี้จะไม่มีใครมาเถียงเราได้ และสามารถชี้แจงได้ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2568 ภารกิจขั้นต้นได้จบลงแล้ว แต่ยังตรวจค้นต่อไป แค่นี้หลักฐานเราก็เพียงพอแล้ว

รมช.กลาโหม เผยอีกว่า ถ้านับเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม ที่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ 5 วันได้ถึงขนาดนี้ถือว่าเร็วแล้ว ซึ่งการประชุมคณะกรรมการออตตาวา จะมีขึ้นประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 เพราะฉะนั้น หากส่งฟ้องวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ หรือวันนี้ มีค่าเท่ากัน เพราะต้องรอเดือนธันวาคม 2568 สู้เราทำสำนวนให้รอบคอบไม่ดีกว่าหรือ นี่คือสิ่งที่ ศบ.ทก. ยึดถืออยู่ เพราะถ้าเราทำสำนวนไปไม่รอบคอบ ศาลไม่รับฟ้อง สำนวนก็ตก หรือทำไปแล้วกัมพูชาสามารถโต้กลับมาได้ เราก็จะเสียความน่าเชื่อถือไป จึงขอให้เข้าใจหน่วยงานภาครัฐ ไม่ใช่ได้ข่าวมาแล้วจะมาตำหนิหน่วยงานภาครัฐว่าทำไมช้า สื่อได้ข่าวมาแล้วจะตำหนิ สมเด็จฮุน เซน สมเด็จฮุน มาเนต หรือกัมพูชาไปตนไม่ว่า แต่ได้ข่าวมาแล้วกลับมาตำหนิภาครัฐ ตรงนี้ที่อยากขอความเห็นใจ

ผู้สื่อข่าวถามต่อ การยื่นฟ้องคณะกรรมการออตตาวา ยื่นในนามรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ตอบว่า เป็นการดำเนินการในนามกระทรวงการต่างประเทศ แต่อยู่ภายใต้การอำนวยการของ ศบ.ทก. นอกจากทำหนังสือประท้วงไปยังออตตาวาแล้ว เรายังประท้วงไปยังกัมพูชาด้วย ซึ่งรายละเอียดขอยังไม่เปิดเผย

ทางด้านคำถาม หากผลการยื่นร้องต่อคณะกรรมการออตตาวาแล้วชนะ ผลที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมคืออะไร พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ในบทลงโทษนั้นไม่ชัดเจน ต้องขึ้นอยู่กับทางออตตาวา แต่ยืนยันว่าปัจจุบันทางกัมพูชาผิดอยู่ 2 เรื่องแน่ๆ คือ 1. การวางทุ่นระเบิดใหม่ 2. ยังมีของใหม่อยู่ในครอบครอง ซึ่งสมาชิกของอนุสัญญาจะต้องทำลายทุ่นระเบิด ไม่ว่าจะทำลายหมดทันที หรือค่อยทำลาย พูดเลยว่าเขาผิด 2 เรื่อง และจะส่งข้อมูลไปยังประเทศที่เป็นสปอนเซอร์ของกัมพูชาที่สนับสนุนเงิน ในพันธะกรณีที่เกี่ยวกับออตตาวา ว่า สนับสนุนเงินเขาไป ปัจจุบันเขาเป็นแบบนี้ ก็แล้วแต่เขาจะพิจารณา

ขณะเดียวกัน พล.อ.ณัฐพล ยังกล่าวถึงกรณีมีมวลชนชาวกัมพูชากว่าร้อยคนขึ้นไปที่ปราสาทตาเมือนธม เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนอยากจะชี้ให้สื่อมวลชนเห็นว่า ล่าสุดที่ สมเด็จฮุน มาเนต ออกแถลงการณ์ว่ากัมพูชาจะใช้กระบวนการเจบีซี (JBC) แต่ขณะเดียวกันก็ใช้มวลชนมากดดันที่ปราสาทตาเมือนธม อันนี้ถือเป็นการแสดงความไม่จริงใจ เป็นเรื่องที่ตนจะหารือในที่ประชุม ศบ.ทก. ในวันนี้ การที่นำมวลชนมา ทางรัฐบาลกัมพูชาจะบอกว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้ ถึงบอกไม่รู้ก็ต้องแก้ไขและทำความเข้าใจกับประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนกัมพูชาทำแบบนี้ เราไม่อยากให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเครียด ขณะนี้ประชาชนตามจังหวัดชายแดนเดือดร้อนกันมาก และมากดดันตนว่าเมื่อไหร่ปัญหาจะจบสักที ดังนั้น ตนต้องรักษาบรรยากาศไม่ให้อ่อนแอหรือเข้มแข็งเกินไป

ในประเด็นคำถามว่าจะมีการจัดระเบียบปราสาทตาเมือนธมอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า มีการจัดระเบียบแล้ว ซึ่งตนได้พูดคุยกับรัฐบาลว่าวันนี้ทหารต้องมีความเข้มแข็งเด็ดขาด แต่ในสถานการณ์แบบนี้การเข้มแข็งเด็ดขาดอาจทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ขณะนี้ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้คุยกับผู้บัญชาการหน่วยฝั่งกัมพูชาว่าทหารที่ขึ้นมาอยู่ในพื้นที่จะมีเพียงฝั่งละ 7 คนเท่านั้น จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบที่มีคนมาเป็นร้อยอีก เพราะภาพจะออกมาไม่ดีทั้ง 2 ฝ่าย หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นทหารที่รับผิดชอบจะต้องเป็นคนนำประชาชนที่มีท่าทียั่วยุออกจากพื้นที่ ถือเป็นข้อตกลง ทั้งนี้ โชคดีว่าฝ่ายกัมพูชาสามารถควบคุมได้เรียบร้อย แต่หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็มีการเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ยืนยันว่าจะเป็นไปตามขั้นตอน.