“ช่อ” ผิดหวัง “เพื่อไทย” ไม่ทำตามนโยบายที่เคยหาเสียง ย้อนถามปิดสนามบิน ล้มเลือกตั้งได้รับนิรโทษกรรม แต่โพสต์เฟซบุ๊กกลับยกเว้น ด้าน “วิสุทธิ์” ยอมรับจำใจเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 16 ก.ค. 2568 รายการนิวส์รูม ที่ออกอากาศทางยูทูป Thairath News ได้เชิญ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า อธึกกิต แสวงสุข ใบตองแห้ง มาร่วมแสดงความเห็น หลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติปัดตกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคประชาชน (ก้าวไกล) และภาคประชาชนที่รวมความผิดตามมาตรา 112 ส่งผลทำให้เป็นการปิดประตูนิรโทษกรรม ม.112 ในสมัยการประชุมนี้อย่างเป็นทางการ
โดย ช่อ พรรณิการ์ ยอมรับผิดหวังกับท่าทีของพรรคเพื่อไทยที่คิดว่าน่าจะมี สส. มาโหวตสนับสนุนร่าง พ.ร.บ. ของพรรคประชาชน มากกว่านี้ หรือไม่ก็งดออกเสียง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ร่าง พ.ร.บ. ของพรรคประชาชนผ่านวาระแรกไปได้ แต่วันนี้พรรคเพื่อไทยไม่กล้าแม้แต่จะโหวตให้ทั้งที่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเคยประกาศจะเดินหน้าผลักดันอย่างเต็มที่
...
ผิดหวังตรรกะความคิด
น.ส.พรรณิการ์ ยอมรับว่าการนิรโทษกรรมไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ เพราะต้องใช้หน้าตักทางการเมืองสูง จึงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างมากเพราะบุคคลที่จะได้ประโยชน์จากร่างกฎหมายที่เสนอโดยพรรครวมไทยสร้างชาติ ล้วนเป็นบุคคลที่อยู่ใน กปปส. มีคดีอาญาร้ายแรงทั้งปิดสนามบิน ล้มเลือกตั้ง “ดิฉันไม่เข้าใจตรรกะของคนเหล่านี้ ที่บอกว่าคดี ม.112 หากได้รับการนิรโทษอาจกลับมาทำผิดอีก อยากถามว่าแล้วไม่กลัวว่าคดีอาญาปิดสนามบิน ล้มการเลือกตั้ง คนเหล่านั้นจะไม่กลับมาทำผิด หรือ แต่คนที่โพสต์เฟซบุ๊กไม่ควรได้รับการนิรโทษเลยหรือ”
ไม่ใช่จุดยืน แต่หนีม.112
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวด้วยว่า เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่จุดยืนทางการเมือง แต่หนีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ม.112 เท่านั้น เพราะมาวันนี้พรรคเพื่อไทยไม่ทำตามนโยบายที่ตัวเองเคยหาเสียงเอาไว้ เพราะในช่วงเลือกตั้งเมื่อปี 2566 มีแต่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน เพียงสองพรรคการเมืองที่เคยหาเสียงเอาไว้ว่าจะนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ถูกดำเนินคดีกลุ่มราษฎร และผู้ต้องหาคดีการเมืองในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาทั้งหมด หลังจากเห็นผลโหวตในครั้งนี้ สิ่งเดียวที่คิดว่าจะทำได้ก็คือ พรรคประชาชนต้องได้คะแนนเสียง 250 เสียงให้ได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถึงจะโหวตนิรโทษกรรมให้เยาวชนเหล่านั้นได้
ด้านอธึกกิต มองว่าน่าสนใจก็คือพรรคเพื่อไทยยังเทคะแนนเสียงให้กับร่าง พ.ร.บ. ของพรรคภูมิใจไทย ทั้งที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน ทั้งที่ความจริงไม่จำเป็นต้องโหวตให้ด้วยซ้ำ ก็ทำให้สามารถมองได้ว่ามีเป้าประสงค์บางอย่าง
รทสช.ยันดูเจตนาละเมิดสถาบัน
จากนั้นในรายการได้พูดคุยกับ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ยอมรับว่าผู้ที่ได้อานิสงส์จากกฎหมายนิรโทษกรรมครั้งนี้ก็คือกลุ่ม กปปส. เพราะไม่มีใครที่ทำผิด ม.112 แต่การออกกฎหมายไม่ได้มองว่าเป็นกลุ่มไหน แต่เอามาตรา 112 เป็นหลัก ดูเจตนาที่ต้องการละเมิดสถาบันหลักของชาติหรือไม่ ไม่ได้สนใจว่าผู้ชุมนุมกลุ่มไหนจะได้ประโยชน์ เพราะผู้ที่มีความผิดในคดี 112 มีตัวเลขน้อยมาก ๆ ไม่ถึง 1% เท่านั้น
“วิสุทธิ์”จำใจเพื่อประเทศเดินหน้า
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ยอมรับว่า ไม่ใช่ไม่อยากจะนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่มีความผิดในคดี ม.112 ใจจริงอยากผลักดัน แต่เมื่อเห็นแล้วว่าถ้ายังเดินหน้าจะเอาให้ได้ บ้านเมืองจะยิ่งแตกแยก ก็ต้องขอถอนร่างกฎหมายที่เคยเสนอไปออกมาก่อน ยอมรับสถานการณ์ขณะนี้ไม่ได้เข้มแข็ง หากไปถึงวุฒิสภาก็จะยิ่งมีปัญหา หากดึงดันยังไงก็ไม่ผ่าน เพราะฉะนั้นจึงขอให้รับร่าง พ.ร.บ. ที่ไม่มีเรื่อง 112 ก่อน ส่วนคำถามที่ว่าทำไมต้องรับร่าง พ.ร.บ. ที่เสนอโดยภูมิใจไทย นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้คิดว่าเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล หากมีเนื้อหาสอดคล้องกันก็ควรลงมติให้กันได้ ส่วนคำถามที่ว่ามวลชนเสื้อแดงจะยอมรับได้หรือไม่ที่พรรคเพื่อไทยยอมนิรโทษกรรมให้กับอดีต กปปส. ที่ล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเอง นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า หากยังผูกใจเจ็บกันอย่างนี้ แล้วประเทศชาติจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร