“สุชาติ” ฮึ่ม สำนักพระพุทธศาสนา สอบพระนอกรีตอืด ลั่นต้องรีบแก้ไขให้สำเร็จก่อนประชาชนหมดศรัทธา สั่งดูกฎหมายอาญาลากตัว “สีกากอล์ฟ” มาสอบสวน ถาม พศ. ทำไมสื่อรู้แต่สำนักพุทธไม่รู้
วันที่ 14 กรกฎาคม 2568 นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ากราบนมัสการสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะหนใหญ่ตะวันออกและสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนีเพื่อรับแนวทางปฏิบัติในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
หลังเข้ารับแนวทางกับสมเด็จพระพุฒาจารย์นานกว่า 30 นาที นายสุชาติ เปิดเผยว่า เรื่องสงฆ์ที่เกิดปัญหาอยู่ในขณะนี้เป็นเรื่องที่มหาเถรสมาคมได้มีการประชุมตั้งแต่เมื่อวาน (13 ก.ค. 2568) ซึ่งเป็นประชุมเร่งด่วนฉุกเฉิน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหา และมอบหมายให้ตำรวจที่ไปดำเนินการจับกุม อย่างน้อยต้องรายงานไปที่เจ้าคณะหนหรือพระผู้ใหญ่ เพื่อดำเนินการเอาผิดกับพระที่ปฏิบัติมิชอบ โดยเฉพาะวันนี้ ก็มาฝากท่านว่า ความจริงแล้วที่ตำรวจไปทำ อาจจะไม่รู้ลึกซึ้งเท่ากับที่สำนักงานพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้นอยากให้สำนักพุทธฯ บูรณาการไปกับตำรวจด้วย จะไปจับตรงไหนก็แล้วแต่ ขอข้อมูลไปให้สำนักพุทธฯ ด้วย แล้วเอาข้อมูลมาให้พระผู้ใหญ่ที่เป็นผู้บังคับบัญชาหรือเป็นเจ้าคณะหน เพื่อที่ท่านจะให้ท่านดำเนินการต่อไป ซึ่งท่านก็ได้สั่งการไปส่วนหนึ่งแล้ว โดยสิ่งหนึ่งที่เราอยากให้บูรณาการกับสำนักพุทธด้วย เราต้องแก้ไขโดยมหาเถรสมาคม ร่วมกับสำนักพุทธฯ ในการจะออกกฎระเบียบ ประกาศกระทรวงต่างๆ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพระสมเด็จท่านได้แจ้งหรือไม่ว่า ได้ส่งหนังสือถึงพระที่หายตัวไปหรือไม่ นายสุชาติระบุว่า ก็เห็นสมเด็จท่านปรารภอยู่เหมือนกันว่า ก็พยายามจะตามมา เพราะท่านก็เป็นกังวลกับปัญหาตรงนี้ กับเรื่องที่ทำความเสื่อมเสียมาสู่ศาสนา ท่านก็เป็นกังวลมากและพยายามรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จ
...
เร่งกฎหมายเอาผิดสงฆ์นอกรีด
ส่วน พ.ร.บ. ที่จะคุ้มครองที่มหาเถรสมาคมให้คณะสงฆ์ได้ปรับแก้แทนที่จะออก พ.ร.บ.ใหม่นั้น นายสุชาติระบุว่า เมื่อวานนี้เห็นมหาเถรสมาคมบอกแบบนั้น แต่ก็ต้องปรึกษากันใหม่ เพราะจะทำวิธีการใดที่จะแก้ พ.ร.บ.สงฆ์ที่มีมาตั้งแต่พ.ศ.2505 หรือจะร่าง พ.ร.บ.ขึ้นมาใหม่ ซึ่งหลักการมันอยู่ที่จะดำเนินการอย่างไรที่จะเอาผิดสีกาที่ไปเสพเมถุนกับพระที่ประพฤติปฏิบัติผิดแบบนี้ ซึ่งต้องไปดูว่าจะเอาผิดอย่างไรได้ ถือเป็นหลักการอย่างหนึ่ง แต่จะเป็นกฎหมายของสงฆ์หรือกฎหมายที่ร่างขึ้นมาใหม่ อะไรก็แล้วแต่ขอให้มันเร็วก็แล้วกัน เพราะเราต้องการความเร็วในการแก้ไข ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์แบบนี้จะกระทบศรัทธาของประชาชน ตนมองว่าแบบนี้แย่ พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น ก็จะเกิดเรื่องอื่นๆ ขึ้นมาอีกเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้ พวกเราก็เป็นกังวลมาก
หงุดหงิดยังเอาผิดสีกาไม่ได้
เมื่อถามถึงการเอาผิดสีกากอล์ฟ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 ที่สามารถเอาผิดผู้ใดที่ทำการดูหมิ่นศาสนา จะถือว่าเข้าข่ายหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่าตนขอนำเรื่องนี้ไปพิจารณาก่อน ซึ่งตนได้มอบนโยบายให้กับทางสำนักพระพุทธศาสนาไปแล้ว โดยจะต้องนำตัวสีกากอล์ฟมาดำเนินการสอบสวน ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชาติได้หันหน้าไปพูดกับเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา โดยสั่งการให้ไปศึกษาการเอาผิดตามมาตรา 206 ซึ่งอะไรที่สามารถกระทำการได้อย่างรวดเร็ว จะต้องนำผู้กระทำความผิดมาให้ได้ แต่ในขณะนี้ ยังไม่สามารถเอาผิดสีกากอล์ฟได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฉ้อโกงหรือหลอกลวง รวมไปถึงความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ซึ่งขณะนี้ต้องดูว่าเข้าข่ายในเรื่องใด
ยอมรับกังวล เพิ่งทำงานเจอคดีใหญ่
ผู้ข่าวถามย้ำว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีความกังวลใจ เพราะทางสำนักพุทธศาสนาเองยังไม่ได้มีการแจ้งความเอาผิดสีกากอล์ฟ ทำให้คดียังไม่สามารถเดินหน้าได้ นายสุชาติ ได้หันไปถามย้ำกับเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ว่าสำนักพุทธฯ เอาอย่างไร พร้อมกับสั่งการให้เร่งศึกษาในประเด็นนี้โดยด่วน และกล่าวต่อว่า นักข่าวได้เสนอประเด็นนี้ขึ้นมา ทำไมสำนักพระพุทธศาสนาถึงไม่รู้เรื่อง ขณะที่คนอื่นกำลังหาช่องทางกฎหมาย “ผมก็ได้กำชับไปหลายครั้งแล้ว เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข ส่วนตัวเองและประชาชนเองก็กังวลใจ ซึ่งผมเพิ่งจะมารับตำแหน่งนี้ได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็มีกรณีนี้เป็นเรื่องรับน้อง และยอมรับว่าผมก็กังวลมาก จึงได้มาขอคำแนะนำกับท่านสมเด็จฯ ทั้งสองรูปในวันนี้” นายสุชาติ กล่าว
ขู่จัดการหาก พศ.อืด
ส่วนพระที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟนั้นได้มีการโอนเงินโดยเสน่หาหรือว่าถูกหลอก นายสุชาติกล่าวว่าขณะนี้อยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปข้อมูลให้ ซึ่งวันนี้ก็จะทำหนังสือไปทางผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้สำนักพุทธฯ ร่วมดำเนินการสอบสวน ซึ่งหากทางสำนักพุทธฯ ดำเนินการล่าช้าตนก็จะเล่นงาน จึงอยากให้ทางตำรวจส่งข้อมูลทั้งหมดมาที่ทางเจ้าคณะหนฯ ทั้งหมด และส่งมาที่สำนักพระพุทธศาสนา และย้ำว่าตนร้อนใจในเรื่องนี้มาก
แบบฟอร์มพร้อมสรุปบัญชีวัด
ส่วน พ.ร.บ.สงฆ์ ที่จะมีการแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องเงิน นายสุชาติกล่าวว่า ต้นตอของปัญหา ต้นเหตุที่เกิดปัญหา กระบวนการหลอกพระ ก็มาจากการที่พระมีเงินมีทรัพย์เยอะ และหลอกง่ายที่สุด เมื่อพระถูกแบล็คเมล์หน่อยก็ต้องโอนเงินให้ พฤติการณ์นี้ทำเป็นขบวนการ ซึ่งเราก็พยายามที่จะทำ เพื่อแก้ปัญหาต้นเหตุ เมื่อพระมีทรัพย์มาก และมีการใช้จ่ายโดยไม่มีการควบคุม ก็ต้องแก้ด้วยการออกกฎกระทรวง ว่าทุกบาททุกสตางค์ของวัด ต้องเอาเข้าบัญชีธนาคาร เงินสดที่วัดอาจจะถือได้ก็ต้องห้ามเกิน 100,000 บาท ไว้สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งค่าน้ำค่าไฟ และทุกบัญชีนั้นก็ต้องฝากธนาคารทั้งหมด และทุกเดือน จะต้องทำบัญชีรายรับรายจ่าย และต้องสรุปรายงานบัญชีประจำปีด้วย ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการร่างแบบฟอร์มไว้หมดแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งวัดทุกวัดจะต้องปฏิบัติตาม หากไม่ปฏิบัติก็ถือว่าเป็นการฝ่าฝืน รวมทั้งจะให้สำนักพระพุทธศาสนา จะดำเนินการย้อนดูธุรกรรม
ย้ำ พศ. ต้องทำงานเชิงรุก
นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า สำหรับวัดที่พบความผิดปกติ ซึ่งตนก็เคยให้นโยบายกับสำนักพุทธฯ ไว้ว่าต้องทำงานเชิงรุกไม่ใช่ทำงานเชิงรับ ทุกวันนี้ทำงานเชิงรับให้ตำรวจไปจับเพียงอย่างเดียว หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะต้องไปสอดส่องดูพฤติกรรมของพระในทุกวัดทุกพื้นที่กับชาวบ้านและชุมชน ไม่ใช่รอให้ตำรวจทำคดีอย่างเดียว จะต้องไปปราบก่อนเหตุบานปลาย แต่ในขณะนี้แม้ยังไม่มีการตั้งชุดทำงานดังกล่าว ก็ขอให้พุทธศาสนาจังหวัดดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของพระในแต่ละวัดจากข่าวซุบซิบของชาวบ้าน ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ จะครอบคลุมไปถึงพฤติกรรมของพระสงฆ์ที่มีการล่วงละเมิดทางเพศทั้งหญิงและชาย ซึ่งจะมีความผิดวินัยสงฆ์ และส่งดำเนินคดีอาญาด้วย