“อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” ขอ กล้าธรรม ใช้ช่วงที่รัฐบาลเผชิญวิกฤตศรัทธา เป็นที่พึ่งประชาชน ลั่น พรรค กธ. ไม่ใช่ไม้ประดับ พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง 70 บอก นักการเมืองที่ดีต้องเรียนรู้บทเรียนที่เจ็บปวด ชี้กลับมาทำการเมืองวันนี้ไม่ได้อยากเด่นหรืออยากมีอำนาจ


วันที่ 11 ก.ค. 2568 ที่โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา จังหวัดชลบุรี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรค แถลงยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม ในสัมมนา DARE TO DO คน “กล้า” (ลงมือ) “ทำ” ตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมาหลายท่านอาจจะมีคำถามว่า พรรค กธ. จะไปต่ออย่างไร จะรับมือกับสถานการณ์บ้านเมืองที่สับสนแบบไหน จุดแข็งของนักการเมืองไทย เราจะยืนอยู่ในสนามได้อย่างมั่นคง พายุพัดมาแค่ไหนเราก็ไม่ล้ม คือการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาต่อสังคมและประชาชน เราอยากให้ทุกอย่างตกผลึก มีความชัดเจน มีความรอบคอบ จะได้ไม่ดีแต่พูด แต่พรรค กธ.ต้องทำจริงๆ

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนกลับเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว ทำให้คนวัยเกษียณอย่างตนรู้สึกกลับมาหนุ่มแน่นอีกครั้ง ตนกลับมาการเมืองวันนี้ ไม่ได้อยากดี อยากเด่น ไม่ได้อยากมีอำนาจ แต่ที่กลับมาวันนี้เพราะมีไฟ มีแรงบันดาลใจ เรามีภารกิจทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน ทั้งนี้การที่เราเป็นนักการเมืองที่ดี เราต้องรู้และเท่าทันต่อสถานการณ์บ้านเมือง ตอนนี้ทุกคนคงมองเห็นและยอมรับว่ารัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลังเผชิญวิกฤติศรัทธา ความไม่มีเสถียรภาพ ความไม่มั่นคง จากคำสั่งของศาลธรรมนูญ ที่ทำให้นายกฯ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ประเทศของเราอยู่ในภาวะสูญญากาศ ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย นอกจากเศรษฐกิจจะชะงัก ประชาชนก็หมดความเชื่อมั่น และไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะจบอย่างไรบ้านเมืองจะเดินไปทางไหน แต่ตนเชื่อว่าในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ และเป็นช่วงเวลาที่พรรค กธ. ต้องแสดงบทบาทในห้วงเวลานี้ ให้ประชาชนได้เห็น ได้เป็นที่พึ่งในพายุฝนโหมกระหน่ำ เราต้องพร้อมทั้งกายใจ การกระทำ ลงไปหาประชาชนในพื้นที่ทำงานให้กับประเทศชาติ

...

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ตนเดินบนเส้นทางการเมืองด้วยความมุ่งมั่น ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ถนนการเมืองของตนไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ เคยถูกปฏิวัติ 2 ครั้ง เคยถูกปรับทัศนคติ เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการ และวันนี้ตนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารมาเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค กธ. ตนไม่เคยคิดใช้การเมืองมาเป็นบันไดหาผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ได้ต้องการอำนาจ ไม่ได้ต้องการยศศักดิ์ ตนอยากเป็นผู้แทนจริงๆ แต่ตนยอมรับว่าการเป็นนักการเมืองที่ดีในประเทศนี้ ต้องเรียนรู้บทเรียนความจริงที่เจ็บปวด เราทุกคนรู้ดีว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย มีข้อจำกัดเยอะ ไม่ใช่คนเดียวที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นได้ การเมืองในอุดมการณ์ที่ดีจะถูกตั้งคำถามเสมอว่า แล้วจะไปสู้ได้อย่างไร แต่นั้นทำให้ตนได้เห็นความจริงว่า ถ้าเราไม่มีอำนาจในสภา ถ้าเราไม่มีบทบาทในรัฐบาล เราจะไม่สามารถผลักดันสิ่งที่ดีให้เกิดได้จริง


น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า คำถามที่ว่าทำไมต้องเป็น พรรค กธ. คำตอบของตนคือ ตนใช้หัวใจนำทาง ก่อนที่ตนจะตัดสินใจตนได้คุยกับเลขาธิการพรรค และผู้บริหารหลายท่าน ตนพบว่าเรามีหัวใจที่เหมือนกัน มีดีเอ็นเอที่เหมือนกัน สิ่งที่ตนได้ยินจากทุกคนในพรรค กธ.คือ เรายึดพี่น้องประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่คำพูดหล่อๆ ไม่ใช่คำขวัญสวยๆ แต่เป็นการกระทำที่ทุกคนลงพื้นที่ไปฟังเสียงประชาชนทุกจังหวัดนำสิ่งเหล่านั้นกลับมาแก้ไข เราพรรค กธ. ไม่ได้ชื่นชมคนรวย ไม่ได้ชื่นชมคนดัง แต่เราชื่นชมและให้ความเคารพคนเก่งและคนดี โดยเฉพาะแนวคิดที่ว่าไม่มีเขา ไม่มีเรา ไม่มีรัฐบาล ไม่มีฝ่ายค้าน มีแต่ประชาชน ซึ่งเป็นแนวคิดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนตามหามาทั้งชีวิตการเมือง


น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งปี 2570 ถือว่าอยู่ไม่ไกล พรรค กธ. จะต้องพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่การส่งคนเพียงเพื่อแสดงสัญลักษณ์ แต่เราจะเฟ้นหาผู้แทนที่พร้อมยืนหยัดเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง เราจะลงทุกจังหวัด ทุกพื้นที่คัดสรรผู้สมัครที่ไม่ใช่แค่เก่ง แต่ต้องซื่อสัตย์ และมีหัวใจที่รับใช้ประชาชน และสุดท้ายด้วยวิสัยทัศน์ของพรรคก็มั่นใจว่า พรรค กธ. จะตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนโฉมการเมืองไทย เราพรรค กธ. ทุกคนต้องเดินไปพร้อมกัน เหมือนกับเครื่องบินที่ต้องมีทั้งปีกซ้ายและปีกขวา ยึดบังคับทุกส่วนไม่อย่างนั้นจะบินฝ่าพายุไปถึงที่หมายไม่ได้แน่นอน พรรค กธ. ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นไม้ประดับในสภา แต่พรรค กธ. เกิดมาเพื่อเป็นสะพานเชื่อมประชาชนกับอนาคตที่ดี เราต้องเป็นกำแพงปกป้องประชาชนจากอำนาจที่ไม่เป็นธรรม และเราจะเป็นหัวใจที่จะทำให้ประเทศไทยกลับมามีแสงสี