2 รมต.เกษตรฯ ควง “ธรรมนัส” ลงพื้นที่ “สกลนคร-ร้อยเอ็ด” Kick off โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย พร้อมปล่อยคาราวานรถ แจกปัจจัยการผลิตกว่า 200 ตัน

วันที่ 10 ก.ค. 2568 ณ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสกลนคร ตำบลม่วงไข่ อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ลงพื้นที่เปิดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ภายใต้โครงการเสริมสร้างศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของศูนย์ข้าวชุมชน ปี 2568 พร้อมปล่อยขบวนคาราวานรถจำนวน 100 คัน ที่ขนปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ประกอบด้วย ปุ๋ยเคมี จำนวน 200 ตัน สารชีวภัณฑ์ จำนวน 1,200 กิโลกรัม และปุ๋ยชีวภาพน้ำ 1,200 ลิตร เพื่อเตรียมนำไปมอบให้แก่เกษตรกรที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดสกลนคร


นายอรรถกรกล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศูนย์ข้าวชุมชนให้มีศักยภาพผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี ให้เพียงพอต่อความต้องการของชุมชนและพื้นที่ให้บริการและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิตข้าวให้มีคุณภาพดี และการใช้ปัจจัยในการผลิตข้าวให้ได้ประสิทธิภาพเหมาะสมและถูกต้อง

...



จากนั้นได้เดินทางไปเปิดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ภายใต้โครงการเสริมสร้างศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของศูนย์ข้าวชุมชน ปี 2568 ณ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวร้อยเอ็ด เพื่อมอบปัจจัยการผลิตให้เกษตรกร พร้อมปล่อยขบวนคาราวานรถจำนวน 100 คัน ที่ขนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรด้วย


“จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานสำรวจความเดือดร้อนของเกษตรกร เพื่อให้รัฐบาลสนับสนุนงบกลางมาช่วยเหลือเยียวยาให้กับพี่น้องเกษตรกร ทำให้เกิดงานในวันนี้ขึ้น เพื่อมอบปัจจัยที่มีความจำเป็น ซึ่งจะเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกร อีกทั้งกระทรวงเกษตรฯ ยังนำเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และชีวภัณฑ์คุณภาพดีที่จะช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น พร้อมสนับสนุนเทคโนโลยี เครื่องจักรเครื่องมือ เพื่อให้มีความแม่นยำในการทำการเกษตรเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยในระยะเร่งด่วน คือ การเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ของเกษตรกรให้เร็วที่สุด จึงได้มอบหมายกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ พร้อมทั้งให้สานต่อโครงการในพระราชดำริที่ยังไม่แล้วเสร็จหรือยังไม่ริเริ่ม เพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างยั่งยืนต่อไป” นายอรรถกร กล่าว