“ทักษิณ” เชื่อ ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชายังมีกลไกพูดคุย ยันไม่ขึ้นศาลโลก เชื่อปม “ฮุน เซน” เหตุจากปราบคอลเซ็นเตอร์ เชื่อปัญหาที่รุมเร้ารัฐบาลจะผ่านไปได้ เผยทีมเจรจาเร่งหาทางแก้ปมภาษีสหรัฐฯ


เมื่อเวลา 20.10 น. วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท ภายหลังร่วมเวทีผ่าทางตันประเทศ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เป็นเรื่องของ 2 ประเทศที่ต้องคุยกัน มีกลไกพูดคุยอยู่ หลังจากการประชุม JBC จบไปแล้ว ก็จะมี GBC แล้วก็ RBC ที่ต้องเจรจา ส่วนที่เขาไม่ยอมรับการเจรจาก็รอกันไป ไม่มีปัญหา ยืนยันไม่เกิดความรุนแรงแน่นอน ไม่ยอมก็คือยังไม่จบเท่านั้นเอง ส่วนที่จะพาไทยขึ้นศาลโลก ก็ให้เขาไปข้างเดียว เราไม่เข้าด้วย

ในคำถามจะซ้ำรอยกลับกรณีเขาพระวิหารหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเลย เป็นคนละส่วนกัน คนละจุดกัน คนละข้อพิพาท เมื่อถามอีกว่าการแก้ไขปัญหาไทย-กัมพูชาไม่ได้จะมีผลต่อที่ปรึกษาประธานอาเซียนหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า “ไม่หรอกครับ เราอยากแก้ปัญหา ต้องหันหน้าเข้าหากัน ถ้าไม่หันหน้าเข้าหากันแก้ยาก”

ส่วนที่ก่อนหน้านี้คนคาดหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายทักษิณ กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จะช่วยให้สถานการณ์ไทย-กัมพูชาคลี่คลาย ตอนนี้เลิกหวังได้แล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ระบุว่า ยังงงอยู่ คบกันมานานมาก ประวัติยาวนานหลายเรื่อง ก็ยังงงว่ามันเกิดเรื่องนี้ได้อย่างไร และไม่รู้จะทำอย่างไร ผู้สื่อข่าวถามต่อ ความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นจากประเด็นเกาะกูดหรือไม่ นายทักษิณ เผยว่า เกาะกูดไม่มีปัญหา อยู่ในสนธิสัญญาชัดว่าเกาะกูดเป็นของไทย เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลย

...


“ปัญหาชายแดนเป็นปัญหาที่ทั่วโลกมี ไม่มีประเทศไหนไม่มีปัญหาชายแดนกัน แต่เขาไม่ค่อยเอามาเป็นเรื่องใหญ่ เขาก็ถือว่าอยู่ร่วมกันไป ไม่เป็นไร เพราะชาวบ้านที่ชายแดนเขาก็พูดคุยกัน ข้ามไปมาหาสู่กัน ก็เหมือนเป็นเพื่อนเป็นญาติกันอยู่ ไม่มีอะไรเดือดร้อน แต่วันนี้ถ้าเขาจะเอาเรื่องชายแดนเป็นเรื่องใหญ่ เราก็ขอไม่ใส่ใจด้วย และปัญหาที่เขาอาจจะโกรธก็คือเรื่องชายแดน ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับกาสิโนที่คนไทยเข้าไปเล่น คนไทยเสียปีๆ นึงเสียไป 2-3 พันล้าน แล้วก็ยังมีเรื่องขอคอลเซ็นเตอร์ที่โดนหลอกไปเยอะ เราก็ต้องจัดการเพื่อ Protect (ปกป้อง) คนไทยของเรา เมื่อมันเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไง”

ส่วนคำถามว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาระบุวันนี้เลยหรือไม่ว่ากาสิโนจะทำให้รัฐบาลเจอกับอุปสรรคหลายอย่าง นายทักษิณ ตอบว่า “ไม่เกี่ยว บังเอิญว่าพรรคภูมิใจไทยไม่สนับสนุนอยู่แล้ว เขาสนับสนุนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ไม่มีกาสิโน จึงแนะนำว่าให้บริษัทซิโน-ไทยไปลงทุนแล้วกัน ไม่มีใครลงทุนหรอก”

เมื่อถามอีกว่าปัญหาที่รุมเร้าส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์นี้ไปได้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “มันจะผ่านไปเอง ก็ทำให้ดีที่สุด ทุกอย่างก็จะผ่านไป ไม่ต้องไปกังวล ส่วนเรื่องคดีความต่างๆ ก็ไม่เป็นไร ว่ากันไปตามกฎหมาย ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาที่ต้องกังวล”

สำหรับประเด็นที่เล่าบนเวทีบอกว่า สมเด็จฮุน เซน โทรศัพท์หานายกรัฐมนตรีเป็นการส่วนตัว ทำไมถึงมี นายเคลียง ฮวด ด้วยในเสียง นายทักษิณ หันไปถาม นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก่อนจะได้คำตอบว่า เป็นการโทรศัพท์ประชุมสายกัน 3 สาย ส่วนที่นายกรัฐมนตรีพูดไปว่าแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นคนละฝ่ายกับเรา นายทักษิณ อธิบายว่า เขาได้รับข้อมูลว่าความคิดทางการเมืองไม่ตรงกันมากกว่า ไม่ได้เป็นเรื่องคนละฝ่าย เขาไม่ได้อธิบายความ ไม่มีเรื่องอื่น ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าเรื่องนี้ทำให้คะแนนนิยมของ น.ส.แพทองธาร ตก นายทักษิณ จึงย้อนกลับว่า “เดี๋ยวสื่อเสนอให้ถูกต้องมันก็จะขึ้นมาเอง”


ขณะเดียวกัน นายทักษิณ ยังกล่าวถึงการปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่ขณะนี้ก็มีการไล่ล่า นายก๊ก อาน คนสนิทของสมเด็จฮุน เซน ว่า ตนเองยังไม่รู้จักก๊ก อาน เลยว่าคือใคร มารู้ตอนหลัง บอกเป็นเจ้าของตึก 25 ชั้นชื่อ ก๊ก อาน รู้เท่านั้น ไม่เคยเห็นหน้า ส่วนที่สมเด็จฮุน เซน พูดคือเขาหมายถึงเขาสนิทกับตนเองมากกว่า ก๊ก อาน ให้มาสอบตนแทน

ในกรณีมีนักการเมืองที่ไปเปิดบัญชีและซุกทรัพย์สินไว้ที่กัมพูชา มีการท้าให้เปิดชื่อ นายทักษิณ กล่าวว่า เปิดชื่อได้เลย อยากให้เปิด จะได้รู้ ตอนที่ตนเองไม่ออกมาพูดอะไรก็มีข้อสงสัยว่าไปฝากทองไว้ พร้อมระบุว่า “ตอนเช้าที่ผมนอนพักบ้านฮุน เซน ผมก็ถ่ายทุกเช้า ถ้าเป็นทองได้ก็คงเป็นทองที่ฝากไว้ทุกเช้า” ก่อนจะปฏิเสธว่า ส่วนตัวไม่รู้จริงๆ ว่ามีนักการเมืองคนไหนไปเปิดบัญชีที่เขมรบ้าง เพราะในชีวิตตนเองไม่เคยเปิดบัญชีที่เขมรเลย และไม่กลัวว่าสมเด็จฮุน เซน จะปล่อยอะไรเลยอีกหรือไม่ด้วย

นอกจากนี้ ในประเด็นภาษีทรัมป์ ที่ก่อนหน้านี้ระบุจะพูดคุยกับคนรอบตัวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นายทักษิณ ระบุว่า เป็นเรื่องการเจรจาทางธุรกิจ เขาต้องเล่นแรงไว้ก่อน แล้วค่อยเจรจาหาข้อที่ได้เปรียบที่สุด เป็นเรื่องปกติ เรายอมเสียเปรียบในระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่ระดับอะไรก็ได้ เมื่อถามว่าคอนเนกชันของนายทักษิณยังใช้ได้อยู่หรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า “ผมไม่ได้ไป ผมไม่ได้ออกไป อยู่ประเทศไทย จะคุยอย่างไร คุยซูมกันนิดๆ หน่อยๆ”

เมื่อถามถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจเริ่มนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเพราะนักลงทุนไม่มั่นใจนั้น นายทักษิณ บอกว่า โดนกันหลายประเทศ ไม่ใช่เราแค่คนเดียว ก็ต้องมาแก้ไข แล้ววันหยุด 3-4 วันนี้ทางคณะกรรมการก็จะมีการประชุมกัน เพื่อหาทางแก้ไขร่วมกันอยู่ อย่างไรก็ตาม ในคำถามว่า 20 กว่าวันนี้ยังมีโอกาสลดภาษีได้ใช่หรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า เราส่งข้อเสนอใหม่ไปที่ฝ่ายผู้แทนการค้า แต่ทางทรัมป์ออกจดหมายสวนมาพอดีทั้งที่ยังไม่ได้สรุป แต่ไม่เป็นไร ยังมีเวลาเพราะอยู่ในกรอบเวลา(1 สิงหาคม 2568).