รมว.วัฒนธรรมยืนยันข่าวการ คืนวัตถุโบราณจำนวน 20 ชิ้นให้ กัมพูชา ที่แพร่กระจายในโซเชียล เป็นข่าวเท็จปล่อยออกมาเพื่อดิสเครดิต ทั้งที่การคืนวัตถุโบราณให้กัมพูชามีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ พ.ศ.2558 และส่งคืนไปแล้ว 23 รายการ ยังเหลือ 20 ชิ้นที่ค้างอยู่ แต่เนื่องจากไม่มีงบประมาณเพียงพอจึงชะลอไว้ยังไม่ส่งคืน เตรียมแจ้งความดำเนิน คดีกับมือปล่อยข่าวปลอม ส่วนปราสาทตาเมือน ย้ำชัด ว่าเป็นของไทยแน่นอน ศบ.ทก. แถลงทิศทางชายแดนคลี่คลายดี คณะ สว.สุรินทร์พร้อม ผวจ. และสมาคมชาวเกษตรกรไทย นำกางเกงใน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัว สิ่งจำเป็นภาคสนามอย่างละ 1 พันชิ้น ไปมอบให้ทหารที่ดูแลเฝ้าพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมเป็นขวัญกำลังใจ ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยยังแห่ไปชมปราสาทกันเพียบ

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มมีสัญญาณ ที่จะคลี่คลายความตึงเครียดแล้ว ขณะที่ประชาชนจำนวนมากยังเดินทางไปมอบสิ่งของทั้งเครื่องอุปโภค บริโภคให้แก่ทหารที่ตรึงกำลังรักษาชายแดนอยู่ที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเที่ยงวันที่ 4 ก.ค. พล.ร.ต. สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงการณ์ประชุม ศบ.ทก. ว่า สถานการณ์ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณว่า อาจจะคลี่คลายไปในทางที่ดี ขอให้ประชาชนดำรงความอดทนอดกลั้นเช่นเดิม ส่วนการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบยังคงดำเนินการอยู่ รัฐได้ออกมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุมมีการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ ได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคง เรื่องการควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆยังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย การเพิ่มความเข้มข้นจุดผ่านแดนขณะนี้ เป็นมาตรการที่หน่วยงานพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ สำหรับการผ่อนปรนให้ผ่านแดนปกติสำหรับบุคคลที่มีความจำเป็น เช่น ผู้ป่วย นักเรียน นักศึกษา นอกจากนี้ยังได้รับรายงานจากหน่วยงานในพื้นที่ว่า มีการจับกุมบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติมากขึ้น เชื่อว่าหลังจากฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติก็จะเห็นมากขึ้น

...

บ่ายวันเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รมว. วัฒนธรรม แถลงข่าวก่อนประชุมร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ระบุตอนหนึ่งว่า ข้อแรกขอชี้แจงตามที่มีข่าวปลอมทางออนไลน์ มีการตีกันเรื่องการคืนวัตถุโบราณจำนวน 20 ชิ้นให้กับกัมพูชา ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง การคืนวัตถุโบราณให้กับกัมพูชา มีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี พ.ศ.2558 ได้มีการส่งคืนโบราณวัตถุ ไปแล้ว 23 รายการ หลังจากตรวจสอบว่าเป็นของกัมพูชาจากจำนวน 43 ชิ้นที่มีการลักลอบนำเข้าจากสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2543

น.ส.แพทองธารกล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2567 มติคณะรัฐมนตรี โดยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น มีมติเห็นชอบให้ส่งโบราณวัตถุอีก 20 รายการ โดยกรมศิลปากรและคณะผู้เชี่ยวชาญได้ยืนยันว่า โบราณวัตถุมีต้นกำเนิดจากกัมพูชา ปัจจุบัน อยู่ในขั้นตอนที่กำลังจัดสรรงบประมาณจากกรมศิลปากรในการจัดส่งคืนและได้รับรายงานว่างบประมาณ ปีปัจจุบันไม่เพียงพอ อีกทั้งไม่เป็นเรื่องเร่งด่วน จึงยังไม่สามารถของบกลางได้ ต้องขอทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง ด้วยสถานการณ์ของไทยและกัมพูชาตอนนี้กระทรวงจึงมีความเห็นให้มีการทบทวนเรื่องดังกล่าว ตามความเหมาะสมต่อไป ดังนั้น จึงยังไม่ส่งคืนโบราณวัตถุที่เหลืออยู่

“ส่วนประเด็นเรื่องโบราณสถานในกลุ่มปราสาท ตาเมือนธม ขอยืนยันว่ากลุ่มประสาทเป็นโบราณสถานที่อยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทย มีการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน พ.ศ.2505 ในส่วนพื้นที่ภาคอื่นๆ ได้รับรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศว่า จะเร่งดำเนินการในการรักษาไว้ซึ่งดินแดนและอำนาจอธิปไตยของไทยเช่นกัน ตรงนี้เป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากมีสื่อมวลชนอยู่ด้วย จึงขอชี้แจงว่าในการปล่อยข่าวปลุกปั่นต่างๆ ทำให้เกิดผลเสียและผลกระทบ ดิฉันจะดำเนินการแจ้งความกับผู้ที่ปล่อยข่าวดังกล่าว ปกติคอมเมนต์ต่างๆที่เป็นการว่ากล่าวธรรมดา ดิฉันเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรี ถือเป็นบุคคลสาธารณะอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่การปล่อยข่าว ที่ไม่จริงจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย” รมว.วัฒนธรรม กล่าวตอนท้าย

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรณีมีผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวรัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรมจะส่งมอบวัตถุโบราณให้กับกัมพูชา 20 ชิ้นนั้น เป็นเรื่องเก่ามาก ตั้งแต่ 25 ปีที่แล้ว ตอนนั้นกรมศุลกากรตรวจยึดโบราณวัตถุคล้ายของกัมพูชา ที่นำเข้าโดยผิดกฎหมายมาจากสิงคโปร์ 43 รายการ ต่อมากรมศิลปากรตรวจสอบและส่งคืนตามข้อพิสูจน์ไปแล้ว 23 รายการ จากนั้นรัฐบาลกัมพูชาได้ส่งคำร้องเพื่อขอรับคืนโบราณวัตถุที่เหลือ 20 รายการ พร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานยืนยัน เมื่อตรวจสอบได้สรุปเป็นวัตถุที่มีแหล่งกำเนิดในกัมพูชา กระทรวงวัฒนธรรมจึงส่งมอบคืนให้กัมพูชา ไม่เข้าใจว่าเกรียนคีย์บอร์ดจะเอาเรื่องนี้มาโจมตีกระทรวง วัฒนธรรมทำไม ไม่เป็นประโยชน์ใดๆที่จะนำเรื่องนี้มาบูลลี่ใส่กัน อะไรเบาได้ก็เบา คิดถึงประโยชน์ประเทศชาติเป็นสำคัญบ้าง

ที่ จ.สุรินทร์ ช่วงบ่าย พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สมาชิกวุฒิสภา จ.สุรินทร์ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา นายรุจิภาส มีกุศล สมาชิกวุฒิสภา จ.สุรินทร์ รองประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา นำกลุ่ม สว.สุรินทร์ และนายชำนาญ ชื่นตา ผวจ.สุรินทร์ นายเอกอนันต์ ศรีอินทร์ นอภ.พนมดงรัก นายวรัญญู โค้วรัชตะธนากร นายกสมาคมชาวเกษตรกรไทย นายทองพูน มะวังนุทูล ประธานกองทุนฟื้นฟูพัฒนาเกษตรกร จ.สุรินทร์ ร่วมกันนำกางเกงในชายจำนวน 1 พันตัว แปรงสีฟัน 1 พันอัน ยาสีฟัน 1 พันหลอด สบู่ 1 พันก้อน ผ้าเช็ดตัว 1 พันผืน ข้าวสาร 1 พันกิโลกรัม กางเกงกีฬา ถุงมือและขนมต่างๆ มามอบให้ทหารที่เฝ้าดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม บ.หนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ในการปกป้องรักษาอธิปไตยไทย พร้อมกันนี้ คณะดังกล่าวยังได้เข้าเยี่ยมชมตัวปราสาทตาเมือนธม โดยมีประชาชนจากทั่วสารทิศเข้ามาชม ปราสาทอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน

พล.ต.ท.บุญจันทร์กล่าวว่า พาคณะ สว.สุรินทร์มามอบสิ่งของให้กำลังใจทหารและถือโอกาสดูพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นที่ชัดเจนว่าจากหน้าปราสาทหักมุมลงไปอยู่ในเขตสันปันน้ำของไทยชัดเจน ทีมสว.สุรินทร์จะเป็นกำลังใจให้ทหารและประชาชนในพื้นที่ ยืนยันว่าปราสาทตาเมือนธมเป็นของไทยแน่นอนและเชิญชวนชาวไทยมาเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธมที่เป็นโบราณสถานมีความสวยงาม หาชมได้ยาก เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับประเทศไทย

ด้านนายวรัญญู โค้วรัชตะธนากร นายกสมาคมชาวเกษตรกรไทย กล่าวว่า สมาคมตระหนักถึงความเสียสละ ความกล้าหาญความทุ่มเทของทหารไทยในการปฏิบัติภารกิจสำคัญในการดูแลปกป้องรักษาดินแดนและความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด สมาคมจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบกำลังใจ นำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นมาสนับสนุนให้แก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนของประเทศ

นายวิรัตน์ เศรษฐวิพัฒนชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียด ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. บริเวณอ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ที่ยังไม่มีแนวโน้มจะยุติปัญหาลง จนเกิดมาตรการคุมเข้มเปิด-ปิดด่านเป็นเวลา ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้บรรยากาศการค้าที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอมเงียบเหงามากปีที่ผ่านมามีตัวเลขส่งออกอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท นำเข้าประมาณ 2,000 ล้านบาท ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด คือประชาชนทั้ง 2 ฝั่ง ชาวกัมพูชาต้องขาดแคลนสินค้า ขาดโอกาสเข้ามารักษาทางการแพทย์ แรงงานที่ข้ามมาฝั่งไทยไม่กล้ากลับประเทศเพราะไม่มีงานทำ หรือแม้กระทั่งฝั่งไทยที่ไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ เชื่อว่ารัฐบาลจะต้องเจรจาเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด หากสถานการณ์ยืดเยื้อเป็นปีเศรษฐกิจทั้งเขาและเราแย่ทั้งคู่ ไม่มีใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้

อีกด้าน พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3 พร้อมคณะฯ เดินทางมาตรวจเยี่ยมสร้างขวัญกำลังใจและมอบสิ่งของให้แก่ จนท. ตม.จ.สระแก้ว ที่ด่านตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มอบนโยบายและติดตามผลการปฏิบัติงานของ ตม.จ.สระแก้ว มี พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จ.สระแก้ว นำตำรวจตม.จ. สระแก้ว มาต้อนรับและรับมอบสิ่งของบำรุงขวัญ พล.ต.ท.ภาณุมาศ ได้เน้นย้ำการปฏิบัติงานในพื้นที่พรมแดนที่นอกจากความเข้มงวดในการตรวจบุคคลและยานพาหนะในการเข้า-ออกราชอาณาจักรตามกฎหมายและมาตรฐานขั้นตอนการปฏิบัติของ สตม. แล้ว ยังต้องแสวงหาความร่วมมือและบูรณาการการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงดำเนินการตามแนวทางการปฏิบัติของ ศบ.ทก. โดยการตรวจอนุญาตบุคคลผ่านแดน ในกรณีเพื่อการศึกษาหรือเจ็บป่วยที่มีความจำเป็นต้องรักษาพยาบาล ให้พิจารณาดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยธรรมสากล พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ยืนยันว่า จนท.ตม.ประจำจังหวัดชายแดน และ สตม.ในภาพรวม ได้เตรียมความพร้อมรับทุกสถานการณ์ไว้หมดแล้ว

ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล เวลา 15.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานประชุม สมช. เสร็จแล้วเปิดเผยว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบ.ทก. รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาให้ทราบ โดยยังคงมีความตึงเครียด จึงยังคงมาตรการทั้งหมดที่ทำไว้และมีมติมอบให้ พล.อ.ณัฐพลมีอำนาจรับผิดชอบในรายละเอียดพูดคุยกับกองทัพซึ่งอยู่ใน ศบ.ทก.ดำเนินการหาทางคลี่คลายปัญหา ไม่ต้องมารายงานเรื่องละเอียด เพื่อแก้ไขปัญหาได้แบบเบ็ดเสร็จ มี พล.อ.ณัฐพลเป็นตัวแทนรัฐบาลในทีมไทยแลนด์อยู่แล้ว เรื่องที่ต้องไปพิจารณาหาทางออก หากได้ข้อสรุปต้องนำมาเสนอ ส่วนการตัดสินใจเปิดหรือปิดด่านยังต้องเข้าที่ประชุม สมช.เพื่อพิจารณา เมื่อถามว่า ได้พูดคุยถึงการผ่อนปรนมาตรการผ่านข้ามแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้คุยและยังคงยืนยันตามมติเดิม ส่วนกรณีปรากฏคลิปภาพในเพจ “Army Military Force-สำรอง” พร้อมระบุว่า มีทหารกัมพูชาปืนกล 1-2 กระบอก พยายามรุกล้ำเข้ามาในชายแดนไทยอีกครั้ง ก่อนมีทหารพรานชุดดำเข้าไปขวาง ทำให้มีปากเสียงกันก่อนจะแยกย้ายโดยไร้เหตุปะทะ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่เห็นเลย ยังไม่มีการรายงานเข้ามา

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่