“อรรถกร” เปิดใจไม่อายใคร ได้เป็น รมต.เกษตรฯ 2 รอบ เพราะ “ธรรมนัส” สนับสนุน ยัน เร่งทำงานทันที ลุยนโยบายระยะสั้น แก้ปัญหาให้เกษตรกรให้ได้มากที่สุด ด้าน “อัครา” เผย โชคดีที่ทำงานให้แผ่นดินอีกรอบ

วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวระหว่างการมอบนโยบายขับเคลื่อนงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ตนโชคดีที่ได้กลับมาทำงานให้กับกระทรวงเกษตรฯ อีกครั้ง จากก่อนหน้านี้ได้ทำมาแล้ว 120 วัน ซึ่งเวลาของรัฐบาลชุดนี้เหลืออีก 1 ปีครึ่ง จึงจำเป็นต้องเน้นนโยบายระยะสั้น โดยตนจะเชิญผู้บริหารของกระทรวงลงพื้นที่แก้ปัญหาให้กับเกษตรกรให้ได้มากที่สุด

นายอรรถกร กล่าวต่อไปว่า การที่ได้มีโอกาสทำงานตั้งแต่เป็น รมช.เกษตรฯ และมาเป็น รมว.เกษตรฯ ตนยืนยันและไม่อายใคร เพราะได้การสนับสนุนจาก ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมว.เกษตรฯ ซึ่งตนจะนำความรู้สึกความปรารถนาดี นำแนวทางของ ร้อยเอกธรรมนัส มาทำใหม่ กับนายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เราสองคนช่วยกันทุกเรื่อง ได้รวบรวมแนวทางการทำงาน 9 ข้อนี้ ร้อยเอกธรรมนัส เคยเสนอต่อนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี มาสู่การปฏิบัติ เช่น การต่อยอดโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร จะมอนิเตอร์ตัวเลขของเกษตรกรแต่ละจังหวัดให้ออกโฉนดได้เร็วขึ้น การบริหารจัดการน้ำให้มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มรายได้สินค้าเกษตร สิ่งสำคัญเร่งด่วนคือการลดต้นทุนการผลิต การเร่งระบายสินค้าเกษตร เพื่อแก้ปัญหาราคาตกต่ำ จึงเป็นหน้าที่ของข้าราชการทุกคนที่ต้องช่วยกันหาตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นให้ได้โดยเร็ว

...

รมว.เกษตรฯ กล่าวต่อไปว่า หัวใจสำคัญคือการยกระดับศักยภาพ การผลิต และการสนับสนุนเครื่องจักรให้กับเกษตร จะลดต้นทุนภาคเกษตรลงได้ ต้องสำเร็จสมัยตนเป็น รมว.เกษตรฯ พร้อมกันนี้พวกเราต้องกันคิดแก้ไขให้ได้อะไรที่เกษตรกรทำแล้วเป็นหนี้ ต้องช่วยกันคิดแบบใหม่ เน้นเกษตรปราณีต ขอเน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องป้องกันการทะลักเข้ามาของสินค้าเกษตร ยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้งใครไม่สนนายทุนจะเป็นใคร

ทางด้าน นายอัครา เผยว่า ไม่ต้องบอกเป็นนโยบายของใคร การเมืองมันสั้น แต่ตนโชคดีได้มาทำงานให้กับแผ่นดินอีกรอบ สิ่งสำคัญการทำงานเกษตรต้องมีน้ำมีดิน ได้ทำงานถวายในหลวง ตนให้กำลังใจข้าราชการทำงาน ไม่เคยไปล้วงเรื่องระบบงบประมาณ ให้โอกาสข้าราชการทำงานเต็มที่ เราเป็นระบบครอบครัว ซึ่งตนเห็นว่าการจัดสรรงบประมาณของประเทศให้ความสำคัญโครงสร้างพื้นฐานมากไป กระทรวงเกษตรฯ งานหนักมากแต่ได้งบน้อย ดังนั้น เมื่อสภาพอากาศแปรปรวนกระทบผลผลิตและทรัพยากรธรรมชาติน้อยลง ก็ต้องหันมาเพาะเลี้ยง ตนจะทำโครงการนำร่องสักจังหวัด แต่ไม่รู้ว่าวาระการเป็นรัฐมนตรีจะยาวนานแค่ไหน.