เปิดประวัติ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ผอ.เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ผงาดนั่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลั่น ขอสานต่องานที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของประเทศ ทุ่มเททำงานให้คนไทยทุกคน


วันที่ 16 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยมีการแถลงเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน สู้ศึกเลือกตั้ง 2569 ประกอบด้วย ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ลำดับที่ 1, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค ลำดับที่ 2 และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ลำดับที่ 3

ทั้งนี้ ย้อนไปเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ในการปรับคณะรัฐมนตรีแพทองธาร 2 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แต่เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 สั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ลำดับที่ 1 ที่จะต้องนั่งรักษาการแทน ถูกปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำให้นายสุริยะ รองนายกฯ ลำดับที่ 2 ต้องทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเพื่อรอ ครม. ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน

...

เปิดประวัติ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ”

สำหรับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มีชื่อเล่นว่า “อ๊อฟ” เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2497 เป็นคนกรุงเทพมหานคร และเป็นชาวไทยเชื้อสายจีน บิดาชื่อนายอาฮง แซ่จึง และนางม้วยเซียง แซ่โป่ว มีพี่น้อง 5 คน คือ นายสรรเสริญ จุฬางกูร, นายพัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ (เสียชีวิตแล้ว) พ่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ และ น.ส.อริสดา จึงรุ่งเรืองกิจ ชีวิตส่วนตัว สมรสกับนางสุริสา จึงรุ่งเรืองกิจ มีบุตรชาย 1 คน คือนายศาตนันท์ จึงรุ่งเรืองกิจ

โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จบการศึกษา มศ.3 จากโรงเรียนเซนต์จอห์น และเรียนจบมัธยมปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เข้าศึกษาต่อที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รุ่นเดียวกับนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ของ น.ส.แพทองธาร แต่เรียนได้ปีครึ่ง ต้องเปลี่ยนแผนไปเรียนต่อระดับปริญญาตรี ในคณะวิศวกรรมอุตสาหการ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกาแทน เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองของไทยในเวลานั้น นอกจากนี้ยังเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นเดียวกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี

เส้นทางการเมือง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ”

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ มีตำแหน่งทางการเมืองครั้งแรก ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ในปี 2541 ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในโควตาพรรคกิจสังคม ต่อมาในปี 2544 นายสุริยะเข้าร่วมสังกัดพรรคไทยรักไทย ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค และได้นั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

จากนั้นในปี 2545 ได้ถูกเสนอชื่อให้นั่งในตำแหน่งเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ก่อนจะถูกย้ายให้มานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กระทั่งปี 2550 ได้ถูกตัดสิทธิการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เพราะพรรคไทยรักไทยถูกยุบ จากนั้นได้ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย และหลังรัฐบาลรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในปี 2561 นายสุริยะในฐานะหัวหน้ากลุ่มสามมิตร ได้มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์หมดอำนาจ นายสุริยะได้ย้ายกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และได้เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เมื่อเข้าสู่รัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีก 1 ตำแหน่ง


แสดงวิสัยทัศน์ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ

วันนี้ (16 ธันวาคม) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ช่วงหนึ่ง ว่า ขอขอบคุณผู้บริหารที่คัดเลือกให้ตนเป็นหนึ่งในสามแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ก่อนเข้าการเมืองทำงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ 20 ปี ตรงนั้นประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ติดระบบติดกฎเกณฑ์ในการติดต่อหน่วยงานราชการ คิดว่าอยากให้เดินได้ต้องแก้ที่ระบบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาชวนให้ตนทำงานการเมืองในพรรคไทยรักไทย ตนไม่คิดเลยตอบรับทันที เพื่อเข้ามาแก้สิ่งที่ติดขัดให้ดี 25 ปีในการทำงาน ตนมีจุดแข็งคือการเป็นนักทำ ผลักดันนโยบายที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จตามกรอบเวลา ทำให้นโยบายประสบความสำเร็จ

อีกหนึ่งในความภูมิใจคือการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่สร้างมาแล้ว 20 ปีให้จบลงได้ตามกรอบเวลาในปี 2549 ในตอนที่นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี และตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลบคำวิจารณ์ที่บอกว่าสร้างไม่ได้เพราะเป็นหนองงูเห่า ทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันเป็นศูนย์กลางการบินได้ และได้รับการจัดอันดับเป็นสนามบินอันดับที่ 10 ของโลกในปี 2549 แต่หลังการรัฐประหารแผนงานที่วางไว้ไม่ได้ดำเนินการ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่แพ้ประเทศสิงคโปร์ หรือฮ่องกง สนามบินสุวรรณภูมิถูกจัดอันดับที่ 77 ในปี 2565 ก็เร่งพัฒนาจะทำให้อันดับของสนามบินสุวรรณภูมิดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาเป็นลำดับที่ 38 ในปี 2568 สนามบินสุวรรณภูมิต้องพัฒนาต่อ เพราะคมนาคมไม่ใช่แค่เดินทาง แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศ ถ้าทำถนน ราง เรือ บูรณาการอย่างไร้รอยต่อ ไทยจะเป็นจุดเชื่อมการค้าในภูมิภาค จะไม่ใช่แค่พาคนไทยไปถึงที่หมาย แต่พาไปถึงอนาคต นี่คือสิ่งที่ตนอยากสานต่อ ถ้าโครงสร้างดีจะทำให้โอกาสไปถึงคนตัวเล็ก รายได้ดี ชีวิตมั่นคงขึ้น ถ้าพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลพร้อมสานต่อภารกิจนี้ได้ทันที




นายสุริยะ กล่าวต่อถึง 2 นโยบายที่จะสานต่อ คือ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย น่าเสียดายที่ตอนนี้ถึงเดือนธันวาคมแล้วยังไม่ไปไหน ไม่ทราบ รมว.คมนาคม ที่รับหน้าที่ต่อถึงไม่ทำเรื่องนี้ รับประกันภายใน 3 เดือน ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ประชาชนจะได้ใช้ 20 บาทตลอดสายทันที และจะมีรถเมล์แอร์ 10 บาทเป็นเส้นเลือดฝอย ส่งคนไปที่รถไฟฟ้า อีกนโยบายคือ บ้านเพื่อคนไทย ไม่ใช่แค่ความฝันเราเริ่มเดินแล้ว มี 4 โครงการนำร่อง ให้คนไทยมีบ้านในทำเลที่ดีได้จริง และจ่ายไหว โครงการนี้จะทำให้คนไทยสร้างอนาคตของตัวเองได้จริง

พรรคเพื่อไทยมีความท้าทาย หลายคนบอกว่าเราไม่สามารถกลับมาที่จุดเดิมได้อีก เชื่อว่าคนในที่นี้ไม่ได้คิดแบบนั้น เรายังมีไฟ มีฝัน มีอุดมการณ์เดียวกัน อยากไปทำงาน ไปทำนโยบายที่ดีให้ประชาชน ที่ตนเข้ามาการเมืองอยากทำให้สิ่งที่ติดขัดดีขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น ตนเชื่อแบบนั้น และเชื่อมั่นพรรคเพื่อไทยเต็มเปี่ยมไปด้วยคนที่มีประสบการณ์และคนรุ่นใหม่ที่สร้างสรรค์ ทำงานเป็นทีมเดียวกัน และด้วยความเชื่อมั่นนั้นวันนี้ตนขอสานต่องานที่รับผิดชอบงานที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของประเทศในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เพื่อรวมทุกท่านไปทุ่มเททำงานให้คนไทยทุกคน.